นายกฯ สั่งการพลังงาน-พาณิชย์ ลดผลกระทบน้ำมันแพง-ตรึงดีเซล-LPG
Highlight
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งการ กระทรวงพลังงาน ตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท ในส่วนของราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (ไม่รวมค่าขนส่ง) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือประชาชนทั้งภาคครัวเรือนและร้านอาหาร ไปจนถึง 31 มีนาคม 2565 และเตรียมความพร้อมในการเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับสถานการณ์ กรณีราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นไปอีก รวมทั้งให้ดูแลบริหารจัดการในส่วนของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ค่า Ft สูงเกินไป
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมกระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ซึ่งปัญหาด้านราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย
ทั้งนี้นายกฯโดยได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน พร้อมด้วยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน, อธิบดีกรมการค้าภายใน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมแผนรองรับและบริหารจัดการแบบบูรณาการ
นายธนกรกล่าวว่า กระทรวงพลังงานยังคงติดตามสถานการณ์ด้านพลังงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งยังคงนโยบายเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับประชาชน ได้แก่ การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท โดยใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อไม่ให้ภาคธุรกิจและภาคขนส่งได้รับผลกระทบ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการ และหากราคาน้ำมันยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ได้เตรียมความพร้อมในการเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์
ในเบื้องต้น ยังคงตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท นอกจากนี้ ในส่วนของราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ก็ยังตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (ไม่รวมค่าขนส่ง) เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งครัวเรือนและร้านอาหาร ไปจนถึง 31 มีนาคม 2565
ในส่วนของน้ำมันปาล์ม ได้มีการสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์บริหารเรื่องน้ำมันปาล์มสำหรับบริโภคให้มีราคาที่เหมาะสม เนื่องจากน้ำมันปาล์มเป็นต้นทุนในการประกอบอาหาร ซึ่งส่งผลกระทบกับประชาชนโดยตรง รวมทั้งยังได้สั่งการให้บริหารจัดการในส่วนของน้ำมันปาล์มที่นำมาผลิตไบโอดีเซลให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ให้ส่งผลกระทบกับทั้งเกษตรกรและภาคขนส่ง
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ บมจ. ปตท. เตรียมความพร้อมในการจัดหาพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าชุมชน รวมทั้งร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการจำหน่ายสินค้าราคาอุปโภคบริโภคในราคาประหยัด
นายธนกรกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้ติดตามในเรื่องของค่าไฟฟ้า โดยได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการในส่วนของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้มีต้นทุนที่ต่ำที่สุด เพื่อให้สามารถลดภาระค่า Ft ให้ได้มากที่สุด รวมทั้งได้มีพิจารณาในเรื่องของการรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน โดยเฉพาะด้านก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนผ่านของผู้รับสัมปทานในแหล่งเอราวัณ ซึ่งกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าจะสามารถจัดหาก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการเพิ่มการผลิตภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่ง ปตท. มีความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการนำเข้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ
“นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในสถานการณ์ของแพงขึ้น ได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมในการกำหนดมาตรการรับมือด้านราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เน้นย้ำให้จัดการด้านความมั่นคงและราคาเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด”นายธนกร กล่าว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ยังเคลื่อนไหวในระดับสูงที่ประมาณ 85-90 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน มี.ค.