ค่าไฟฟ้า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. มีโอกาสทะลุ 40 สต./หน่วย เหตุจากเงินบาทอ่อนค่า
Highlight
รัสเซียรบกับยูเครนทางฝั่งซีกโลกตะวันตก แต่ผลกระทบด้านพลังงานและเงินเฟ้อ แผ่ไปทั่วโลก เมื่อสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า รวมทั้งค่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าแพงขึ้นจากเดิม ทำให้ค่าไฟฟ้า Ft เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ก่อนหน้า โดยค่า Ft ใหม่จะมีผลตั้งแต่เดือนก.ย.-ธ.ค.นี้ ติดตามรัฐบาลจะสามารถบรรเทาปัญหานี้อย่างไร
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวในการปาฐกถา "ไขข้อข้องใจ รับมือค่าไฟครึ่งปีหลัง" เมื่อ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า แนวโน้มการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) งวดสุดท้ายของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค.65) มีโอกาสปรับสูงขึ้นกว่าประมาณการเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นราว 40 สต./หน่วย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท และ สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคา LNG สูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า เนื่องจากประเทศไทยใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยลดลง และการรับก๊าซฯจากเมียนมาร์มีแนวโน้มลดลง อีกทั้งเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมาก
สถานการณ์ต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ที่ปรับสูงขึ้นในปีนี้ เป็นผลมาจากโครงการสร้างการผลิตไฟฟ้าของไทย ที่ยังพึ่งพาการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า หรืออยู่ที่สัดส่วนประมาณกว่า 60% ของการผลิตไฟฟ้า โดยก๊าซฯ ส่วนใหญ่ได้มาจากอ่าวไทย 65% อีก 12 % มาจากแหล่งก๊าซฯในเมียนมาร์ และอีก 10 % มาจากการนำเข้าก๊าซ LNG
ดังนั้น แนวโน้มการปรับค่า Ft งวดสุดท้ายของปีนี้มีโอกาสปรับสูงขึ้นจากที่เคยคาดการณ้ไว้เดิมเนื่องจากสัดส่วนการใช้ LNG เข้ามาผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 40% จากเดิมคาดว่าจะใช้ LNG ประมาณ 30% หลังจากราคาดีเซลปรับสูงขึ้นมาก แต่การปรับขึ้นค่า Ft งวดสุดท้ายของปีจะเป็นเท่าใดนั้น ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ค่าเชื้อเพลิงที่แท้จริงอีกครั้งในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ ยังไม่รวมกับภาระที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) แบกรับไว้อีกกว่า 80,000 ล้านบาท
สำหรับการบริหารจัดการในระยะสั้น กกพ.เร่งแก้ไขปัญหาต้นทุนค่าไฟแพง โดยบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าป้อนเข้าระบบ ด้วยการยืดกำหนดปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 จากเดิมปี 64 มาเป็นปี 65 และโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 9-11 เลื่อนเป็นปี 68 เพื่อลดการนำเข้า LNG ราคาแพงมาผลิตไฟฟ้า รวมถึงออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ(COD)แล้ว 30 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 60 เมกะวัตต์ รวมปริมาณ 100 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ กกพ.ยังเสนอภาครัฐปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าเพื่อรับมือกรณีเกิดวิกฤติต้นทุนค่าเชื้อเพลิงผัวผวน โดยเสนอเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติภายใต้การกำกับของ กกพ. (Energy Pool Price) ที่ต้องการร่วมแก้ไขปัญหาพลังงานที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงผลิตเพื่อผลิตไฟฟ้าตามสถานการณ์ต้นทุนในขณะนั้น โดยเลือกใช้เชื้อเพลิงที่มีราคาถูกที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ
ทั้งในช่วงที่ผ่านมา ในรอบเดือนมกราคม - เมษายน 2565 ได้มีการปรับค่า Ft เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิมที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วยในปี 2564 ปรับเป็น 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และในรอบเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2565 จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 24.77 สตางค์ต่อหน่วย
โดยในรอบที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและลดผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน ที่สืบเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย และผู้ใช้แรงงาน
จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างยูเครน-รัสเซีย อาจจะไม่จบลงโดยเร็ว จึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือ ประชาชนเพิ่มเติมจากมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐได้ออกไปแล้ว
สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ซึ่งคิดเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ากว่า 20 ล้านรายหรือคิดเป็นร้อยละ 85 ของครัวเรือน จะมีการให้ส่วนลดโดยคงค่า Ft ไว้ที่ 1.39 บาทต่อหน่วยในรอบเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2565
อย่างไรก็ตามในส่วนของค่า Ft ที่จะปรับขึ้นเป็น 24.77 สตางค์ต่อหน่วยในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 หากไม่ได้มีการบริหารจัดการใด ๆ ค่า Ft จะปรับเพิ่มขึ้นถึง 129.91 สตางค์ต่อหน่วย โดยในส่วนนี้ กฟผ. ได้ช่วยรับภาระค่า Ft ไปแล้วกว่า 40,000 ล้านบาท
ข้อมูลจาก : กระทรวงพลังงาน TNN News