ปตท. ติดอันดับ TOP 5% บริษัทยั่งยืนระดับโลก
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ติดอันดับ TOP 5% สูงสุดแห่งเดียวของไทย จากกว่า 170 บริษัททั่วโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Upstream & Integrated (OGX)
เทียบเท่าระดับ Silver Class ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2024 ซึ่งเป็นผลจากการประเมินความยั่งยืน (Corporate Sustainability Assessment : CSA) ของ S&P Global
แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของปตท. ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีธรรมาภิบาล พร้อมดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล ยึดมั่นพันธกิจหลักในการสร้างความแข็งแกร่งด้านพลังงานให้กับประเทศ ผ่านการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ปตท. มีเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน โดยผลักดันการดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จตามกลยุทธ์ขององค์กร ทั้งในด้าน Business, Growth New Growth และ Clean Growth มุ่งพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน
โดยในปี 2566 มีการลงทุนก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7, โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกบางปะกง - โรงไฟฟ้าพระนครใต้, โครงการท่อส่งก๊าซฯ เส้นที่ 5, โครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2, การขยายการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า, รวมถึงจัดตั้งโรงงานแบตเตอรี่และให้บริการเช่าใช้รถ EV ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม กว่า 1,000 คัน
พร้อมขยายสถานีอัดประจุ EV ครอบคลุมทั่วประเทศ กว่า 400 หัวจ่าย ตลอดจนลงทุนในกลุ่มธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ ทั้งการจัดตั้งโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชครบวงจร พร้อมเดินสายการผลิตเชิงพาณิชย์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพออกสู่ตลาดภายใต้แบรนด์อินโนบิก
อีกทั้งในปีที่ผ่านมา ปตท. ได้เริ่มต้นโครงการปลูกป่าอีก 1 ล้านไร่ โดยปลูกไปแล้วกว่า 86,173 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพลิกฟื้นผืนป่าให้อุดมสมบูรณ์ และตั้งเป้าบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี ค.ศ. 2050
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ยังติดอันดับเป็นสมาชิก DJSI และ S&P Global Sustainability Yearbook 2024 อย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
ที่มา : https://www.pttplc.com/th/Media/News/Content-41072.aspx