กระทรวงพลังงาน จ่อขยายเวลา ตรึงค่าไฟฟ้า - ดีเซล ต่อเนื่องในปี 68
มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ด้วยการตรึงราคาค่าไฟฟ้าไว้ที่ระดับ 4.18 บาท/หน่วย จนถึงสิ้นปี 67 ใกล้จะหมดเวลาลง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงซบเซา
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่ามาตรการดูแลราคาพลังงานให้ประชาชนยังคงต้องพิจารณาต่อเนื่อง หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ตรึงราคาค่าไฟฟ้าไว้ที่ระดับ 4.18 บาท/หน่วย จนถึงสิ้นปี 67 ซึ่งใกล้เวลาสิ้นสุดลง ซึ่งมาตรการตรึงค่าไฟฟ้านั้นจะต้องมีการต่ออายุทุก 4 เดือน
ส่วนการตรึงราคาน้ำมันดีเซล 33 บาท/ลิตร ที่สิ้นสุดในเดือนตุลาคม ซึ่งขณะนี้พยายามดำเนินการต่อ โดยสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มดีขึ้น ในช่วงใกล้สิ้นปีอาจจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ระบุก่อนหน้านี้ว่า กกพ. เสนอ 3 ทางเลือกค่าไฟงวด ม.ค. - เม.ย. 68 ที่ 4.18 – 5.49 บาทต่อหน่วย
โดยมองแนวโน้มต้นทุนค่าไฟลดลง (จากเงินบาทที่แข็งค่า) ชี้เป็นจังหวะดีเร่งใช้คืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงคงค้างที่ยังสูงกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงให้ระบบ
จากสาเหตุหลักซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมส่งผลให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวลดลง แต่เมื่อรวมกับการทยอยคืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงค้างชำระในงวดก่อนหน้าที่ยังคงสูงอยู่
ส่งผลให้ค่าไฟในช่วงต้นปี 2568 นี้ อาจจะต้องปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ขึ้นสู่ระดับ 147.53 - 170.71 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อคืนหนี้คงค้างให้กับ กฟผ. และ ปตท. ซึ่งทำให้เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐาน ที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บในงวด ม.ค. - เม.ย. 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 5.26 - 5.49 บาทต่อหน่วย
หรือหากตรึงค่าเอฟทีไว้ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย โดยทยอยคืนหนี้คงค้างควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อการปรับค่าไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดดเพื่อลดภาระของประชาชน ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เท่ากับปัจจุบัน