03 ธันวาคม 2567
68

วิจัยเผยค่าเสื่อมรถ EV ลดฮวบ ! ความท้าทายที่ตลาดรถมือสองต้องเผชิญ

วิจัยเผยค่าเสื่อมรถ EV ลดฮวบ ! ความท้าทายที่ตลาดรถมือสองต้องเผชิญ


วิจัยกรุงศรีฯ เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มือสองทั่วโลก ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นตามอุปทานรถ EV มือหนึ่งที่เริ่มเข้ามาในตลาด โดยประเทศที่มีตลาดรถ EV เติบโตเต็มที่ เช่น จีน สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรป EUR-6 (ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี สเปน เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร) ถือเป็นหัวหอกสำคัญในตลาดนี้

ในปี 2567 คาดการณ์ว่ายอดขาย EV มือสองในจีนจะสูงถึง 800,000 คัน เติบโตขึ้น 40.0% จากปีก่อนหน้า ส่วนในสหรัฐฯ มียอดขายราว 400,000 คัน (+43.0%) และกลุ่ม EUR-6 มียอดขายรวม 450,000 คัน (+28.0%) โดย Future Market Insights คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด EV มือสองทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% (CAGR) ระหว่างปี 2566-2576 และจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2576


▪️ ความท้าทายด้านราคาในตลาด EV มือสอง

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2566 เป็นต้นมา ราคาขายต่อของรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV (Battery Electric Vehicle) มือสองในตลาดโลกเริ่มปรับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเดือนพฤษภาคม 2567 ราคาขายต่อของ BEV มือสองลดลงถึง -30% ถึง -39% ในขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มือสองลดลงเพียง -3% ถึง -7%


▪️ สถานการณ์ในประเทศไทย: ตลาด EV มือสองยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

สำหรับประเทศไทย แม้ยอดจดทะเบียนสะสมรถ BEV ตั้งแต่ปี 2561 ถึงเดือนกันยายน 2567 จะอยู่ที่ 137,421 คัน หรือคิดเป็น 3.3% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งทั้งหมด แต่ตลาด EV มือสองยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2567 มีการจดทะเบียน BEV มือสองเพียง 40 คัน คิดเป็นเพียง 0.8% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขาย BEV มือสองในไทย คือค่าเสื่อมราคาที่ค่อนข้างสูง โดยรถ BEV จะมีมูลค่าลดลงทันทีหลังออกจากโชว์รูมเฉลี่ย 22.93% และราคาจะลดลงเพิ่มเติม -5.6% ถึง -9.4% ต่อระยะทางวิ่งทุก 10,000 กิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าอัตราการลดลงเฉลี่ยของรถยนต์มือสองทั่วไปทั่วโลกที่ -5.2%


▪️ อนาคตของตลาด EV มือสองในไทย

แม้ปัจจุบันตลาด EV มือสองในไทยจะยังไม่เติบโตมากนัก แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ อุปทานของ BEV มือสองคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านราคาขายต่อยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคและผู้เล่นในตลาดต้องจับตาอย่างใกล้ชิด



ติดต่อโฆษณา!