18 ตุลาคม 2564
5,097

สธ. เตรียมเรียกกลุ่มฉีดวัคซีนโควิดเชื้อตายและแอสร้าเซเนก้า ครบ 2 เข็ม มารับเข็มที่ 3 หรือ บูสเตอร์โดส ด้วย“ไฟเซอร์’ เพิ่มสูตรวัคซีนไขว้ เดือน พ.ย. นี้

สธ. เตรียมเรียกกลุ่มฉีดวัคซีนโควิดเชื้อตายและแอสร้าเซเนก้า ครบ 2 เข็ม มารับเข็มที่ 3 หรือ บูสเตอร์โดส ด้วย“ไฟเซอร์’ เพิ่มสูตรวัคซีนไขว้ เดือน พ.ย. นี้
Highlight

ศบค.เตรียมพิจารณาอนุมัติวัคซีนสูตรไขว้ เพิ่มเติม 2 สูตร ได้แก่ 
1.สูตรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากับวัคซีนไฟเซอร์ ระยะห่าง 4-12 สัปดาห์ 
2.สูตรวัคซีนซิโนแวคกับวัคซีนไฟเซอร์ ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์

ในเดือน พ.ย. คาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามาเพิ่ม 25 ล้านโดส แบ่งจัดสรร 7 กลุ่ม ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายมาแล้ว 2 เข็มรวมทั้งแอสตร้าเซเนก้า ครบ 6 เดือน เตรียมรับ บู้สเตอร์โดส เข็มที่ 3 ไฟเซอร์


นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง มติศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม กรณีการอนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด-19 สูตรไขว้เพิ่ม ว่า คณะกรรมการวิชาการ สธ. เสนอให้ ศบค.พิจารณาอนุมัติวัคซีนสูตรไขว้ เพิ่มเติม 2 สูตร ได้แก่ 1.สูตรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ากับวัคซีนไฟเซอร์ ระยะห่าง 4-12 สัปดาห์ 2.สูตรวัคซีนซิโนแวคกับวัคซีนไฟเซอร์ ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์

ทั้งนี้การนำไปใช้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ได้มีการจัดหา การบริหารจัดการก็จะต้องให้สอดคล้องกับวัคซีนที่มี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการให้วัคซีนนั้น เป็นหน้าที่ของสถานบริการนั้นๆ เป็นผู้จัดให้เหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศบค. ได้เคยอนุมัติสูตรไขว้ คือ วัคซีนซิโนแวคกับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ ที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน นับว่า ศบค.อนุมัติสูตรไขว้แล้ว รวม 3 สูตร ที่สามารถใช้ได้ และการจะฉีดให้กับประชาชนนั้น เป็นการบริหารจัดการตามสถานการณ์ และตามจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนั้นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

ทั้งนี้ นพ. เกียรติภูมิยืนยันว่าวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาให้นั้น ใช้ได้ดีทุกตัว นอกจากนี้การเห็นชอบให้มีการฉีดเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 ในผู้ที่ฉีดแอสตร้าฯ ครบ 2 เข็มด้วย

ทั้งนี้ในการประชุม ศบค.เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการเห็นชอบเป้าหมายในการฉีดวัคซีนในเดือนพฤศจิกายน จำนวน 25 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรอย่างน้อยร้อยละ 70 ทุกจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดจัดสรรให้เพิ่มความครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ ร้อยละ 80 วัคซีนในเด็ก 12-17 ปีได้รับเข็มที่ 1 อย่างน้อย ร้อยละ 70 

ส่วนการฉีดเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ให้ในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็ม และในผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ครบ 2 เข็ม นั้น โดยตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 ให้กระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งในกลุ่มที่ฉีดแอสตร้าฯ ครบ 2 เข็มแล้ว ให้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 ในระยะเวลาราว 6 เดือน

สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข้ามาประเทศไทยล็อตแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 1.2 แสนโดส โดยกลุ่มเป้าหมายที่ฉีดในช่วงเวลาดังกล่าว คือ ผู้มีอายุ 60 ขึ้นไป กลุ่มที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสโรค ซึ่งจะเป็นผู้ที่ฉีดเข็มที่ 2 ประมาณเดือนมิถุนายน 2564 ดังนั้น เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ เท่ากับกลุ่มนี้มีการฉีดเข็มที่ 2 มาแล้วราว 5-6 เดือน และถึงกำหนดฉีดเข็มที่ 3 

สำหรับการจัดสรรวัคซีนจำนวน 25 ล้านโดส แยกตามกลุ่มเป้าหมายเดือน พ.ย. 64 โดยบางกลุ่ม ได้ฉีด "วัคซีนสูตรไขว้" แอสตร้าเซเนก้า และ ไฟเซอร์ ที่ ศบค. เคาะล่าสุด ดังนี้
 
1. ประชาชนใน 16 จังหวัด ที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวใน ระยะที่ 2 (1 - 31 ธ.ค. 64) ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี อยุธยา ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส วัคซีนทั้งหมด เข็มที่ 1 , 2  และเข็มกระตุ้น ร้อยละ 20 จำนวน 5 ล้านโดส

สูตรวัคซีน : ซิโนแวค  ต่อด้วย  แอสตร้าเซเนก้า,  แอสตร้าเซเนก้า ต่อด้วย  ไฟเซอร์
 
2. ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปใน 50 จังหวัด วัคซีนทั้งหมด เข็มที่ 1,2  และเข็มกระตุ้น ร้อยละ 40 จำนวน 10 ล้านโดส

สูตรวัคซีน : ซิโนแวค  ต่อด้วย แอสตร้าเซเนก้า, แอสตร้าเซเนก้า ต่อด้วย  ไฟเซอร์
 
3. ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปใน พื้นที่ระบาด วัคซีนทั้งหมด เข็มที่ 1 , 2 และเข็มกระตุ้น ร้อยละ 12 จำนวน 3 ล้านโดส

สูตรวัคซีน : ไฟเซอร์ ต่อด้วย ไฟเซอร์
 
4. กลุ่มเด็กและวัยรุ่นอายุระหว่าง 12 - 17 ปี ทั่วประเทศ วัคซีนทั้งหมด เข็มที่ 1 , 2 และเข็มกระตุ้น ร้อยละ 12 จำนวน 3 ล้านโดส

สูตรวัคซีน : ไฟเซอร์ ต่อด้วย ไฟเซอร์
 
5. แรงงานในระบบประกันสังคม วัคซีนทั้งหมด เข็มที่ 1 , 2 และเข็มกระตุ้น ร้อยละ 6 จำนวน 1.5 ล้านโดส

สูตรวัคซีน : แอสตร้าเซนเนก้า ต่อด้วย ไฟเซอร์,  ซิโนแวค ต่อด้วย แอสตร้าเซเนก้า
 
6. หน่วยงานอื่นๆ เช่น องค์กรภาครัฐ ราชทัณฑ์ วัคซีนทั้งหมด เข็มที่ 1 , 2 และเข็มกระตุ้น ร้อยละ 2 จำนวน 0.5 ล้านโดส

สูตรวัคซีน : แอสตร้าเซนเนก้า ต่อด้วย ไฟเซอร์, ซิโนแวค ต่อด้วย แอสตร้าเซเนก้า
 
7. ประชากรต่างด้าว วัคซีนทั้งหมด เข็มที่ 1 , 2 และเข็มกระตุ้น ร้อยละ 8 จำนวน 2 ล้านโดส

สูตรวัคซีน : ซิโนแวค ต่อด้วย แอสตร้าเซเนก้า
แนะนำ บู้สเตอร์โดส เข็มที่ 3 ไฟเซอร์
 
ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก Siriraj Institute of Clinical Research สรุปผลการวิจัยวัคซีนโควิด-19 ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ของผู้ที่ได้ Sinovac 2 เข็ม หรือ AstraZeneca 2 เข็ม โดยสรุปผลการศึกษา พบว่า 
 
Sinovac เป็น priming vaccine หรือวัคซีนเริ่มต้นที่ดี ซึ่งเมื่อฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย AstraZeneca หรือ Pfizer ก็ให้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงมาก
 
สำหรับวัคซีน Pfizer ใช้เพียงครึ่งโดสก็ได้ภูมิคุ้มกันในระดับที่ใกล้เคียงกับการใช้วัคซีนเต็มโดส แนะนำให้ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย AstraZeneca หรือ Pfizer เท่านั้น
 
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ฉีด AstraZeneca มา 2 เข็ม ควรฉีดเข็มที่ 3 กระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer เท่านั้น โดยอาจใช้เพียงครึ่งโดสก็ให้ผลภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกับการใช้วัคซีนเต็มโดส

ที่มา : ศบค.

ติดต่อโฆษณา!