สิงคโปร์ เปิดสถิติคนฉีด Sinovac ติดโควิดดับเยอะสุด พบ Moderna เสียชีวิตน้อยสุด
Highlight :
ทางการสิงคโปร์ เปิดเผยสถิติผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ฉีดวัคซีนประเภทต่างๆ พบว่า ผู้ฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” เสียชีวิตมากที่สุด ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีน mRNA อย่าง “โมเดอร์นา” มีผู้ติดโควิด-19 เสียชีวิตน้อยที่สุด ทั้งนี้สาธารณสุขสิงคโปร์ เตือนว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กและไม่ได้นับเอาตัวแปรอย่าง อายุ หรือ ช่วงเวลาการฉีด เข้ามาพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวจะสร้างความห่วงกังวลให้กับประสิทธิภาพของวัคซีนเชื้อตายอย่าง ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ที่ใช้ทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ในขณะที่ WHO ยืนยันว่าวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังคงทำงานได้ดีเพื่อบรรเทาความเสี่ยงของการป่วยหนักและการเสียชีวิต
บลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 10 มกราคม ระบุว่า ทางการสิงคโปร์ เปิดเผยสถิติผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ฉีดวัคซีนประเภทต่างๆ พบว่า ผู้ฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” เสียชีวิตมากที่สุด ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีน mRNA อย่าง “โมเดอร์นา” มีผู้ติดโควิด-19 เสียชีวิตน้อยที่สุด
ออง ยีคัง รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยกับรัฐสภา ที่จำแนกผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์ทั้งหมด 802 ราย โดยพบว่าในจำนวนนี้ 555 ราย หรือราว 79% เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบโดส
สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” มีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตอยู่ที่ 11 ราย ต่อ 100,000 คน ถัดมาคือผู้ได้รับวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ที่มีอัตราเสียชีวิตอยู่ที่ 7.8 ราย ต่อ 100,000 คน
สำหรับผู้ฉีดไฟเซอร์ มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 6.2 รายต่อ 100,000 คน และที่มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดคือกลุ่มที่ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ต่อ 100,000 คน
รมต.สาธารณสุขสิงคโปร์ เตือนว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กและไม่ได้นับเอาตัวแปรอย่าง อายุ หรือ ช่วงเวลาการฉีด เข้ามาพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวจะสร้างความห่วงกังวลให้กับประสิทธิภาพของวัคซีนเชื้อตายอย่าง ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ที่ใช้ทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
รมต.สาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุด้วยว่า กลยุทธ์ในการสู้กับการแพร่ระบาดในเวลานี้คือการอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ ซึ่งหมายถึงการจะไม่ประกาศปิดประเทศ แต่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถให้อิสระกับกิจกรรมต่างๆได้มากเกินไปและยกเลิกมาตรการควบคุมโรคไปทั้งหมดได้ พร้อมยืนยันว่า สิงคโปร์ จะตอบสนองกับการแพร่ระบาดอย่างยืดหยุ่น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ว่าคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน ยังคงทำงานได้ดีเพื่อบรรเทาความเสี่ยงของการป่วยหนักและการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงส่วนผสมบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องกับระดับของส่วนประกอบวัคซีน ตามมาตรฐานของดับเบิลยูเอชโอ ในการให้วัคซีนมีประสิทธิภาพเพียงพอต้านทานกับบรรดาเชื้อไวรัส “ที่เป็นสายพันธุ์น่าวิตกกังวล”
ทั้งนี้วัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพตามนิยามของ WHO ต้องสามารถกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างครอบคลุม แข็งแกร่ง และยืนยาว “เพื่อลดความจำเป็นของการต้องฉีดวัคซีนซ้ำ” ดังนั้นการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านวัคซีนที่อ้างอิงจากการต้องฉีดวัคซีนซ้ำจากวัคซีนดั้งเดิม อาจไม่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ยั่งยืน
อย่างไรก็ตามแถลงการณ์ฉบับนี้ยังไม่ได้ระบุอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีน “อย่างจำเพาะเจาะจงกับเชื้อโอมิครอน” โดยให้เหตุผลว่า ยังคงต้องมีการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดกว่านี้ และ WHO ขอให้ผู้ผลิตวัคซีนทุกแห่งแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน ไม่ควรเป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ WHO เกิดขึ้นหลังนายอัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า กำลังเร่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองต่อเชื้อโอมิครอนโดยเฉพาะ และคาดว่าวัคซีนจะออกสู่ตลาดในเดือน มี.ค.นี้