ไวรัสตับอักเสบ สุขภาพอย่างเทพก็ร่วงได้
Highlight
โรคไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิด และสามารถป้องกันได้หากมีการกินอาหารที่มีประโยชน์และไม่ทำร้ายตับจนเกิดอาการอักเสบเรื้อรัง อาหารที่จะทำให้ตับอักเสบได้ง่ายและเรื้อรัง เช่น เหล้า อาหารปิ้ง ย่าง ไวรัสตับอักเสบ B จะรุนแรงที่สุด เป็นแล้วรักษาไม่หาย หากเป็นเรื้อรังอาจเกิดภาวะตับแข็ง เป็นมะเร็ง การรักษาอาจจะต้องกินยาตลอดชีวิต และสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ทางการให้เลือดหรือทางเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ B ซึ่งเด็กจะได้รับตั้งแต่แรกเกิด อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรประมาทแม้ได้รับวัคซีนแล้ว
ตับอักเสบคืออะไร
โรคตับอักเสบคือการอักเสบของเนื้อตับ ถ้ามีอาการมากจะทำให้ตัวเหลือง ปวดท้อง อืดๆ แน่นๆ อ่อนเพลีย กินไม่ได้ ท้องโต ขาบวม ตับอักเสบจะพบเจอได้จากการตรวจเลือด ถ้าค่าตับขึ้น เรียกว่าตับอักเสบ คำว่าตับอักเสบเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น กินเหล้า ไขมันพอกตับ กินยาบางอย่าง เช่นพาราเซตามอลจำนวนมาก ดังนั้นต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ไวรัสตับอักเสบที่พบเจอบ่อยคือ ชนิด A B และ C
ตับอักเสบ A และ B จะมีทั้งแบบเฉียบพลัน เช่นติดเชื้อ และมีไข้และอักเสบ ตัวเหลือง อืด อ่อนเพลีย กินไม่ได้ อาเจียร เป็นมากๆ อาจตับวายได้
ไวรัสตับอักเสบ B กับ C แบบเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยอาจจะไม่รู้ตัว ตรวจเลือดไม่ค่อยเจออะไร แต่พบว่ามีเชื้อตับอักเสบอยู่
ไวรัสตับอักเสบ B มีทั้งอักเสบเรื้อรังหรือเฉียบพลัน ถ้าเป็นนานๆ เกิดภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ไวรัสตับอักเสบ A มักจะติดเชื้อจากการกินอาหารที่ปนเปื้อน เช่นอาหารที่ไม่สุกสะอาด อาการคือ ตัวเหลือง ไวรัสตับอักเสบ A เป็นเชื้อที่ค่อนข้างปลอดภัยคือเป็นแล้วหายเองได้ประมาณ 95% และสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน 2 เข็ม
ไวรัสตับอักเสบ B และ C จะคล้ายกัน คือติดจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสัก มีเพศสัมพันธ์ การให้เลือด (ปัจจุบันมีการเช็คเชื้อจากเลือดก่อนให้ผู้ป่วย) มีอาการรุนแรงกว่าชนิดอื่น แต่ถ้าร่างกายแข็งแรง อาการผู้ป่วยก็จะเกิดไม่มาก
ตับอักเสบ B แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ติดแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง อย่างไรก็ตามปัจจุบันทารกจะได้รับวีคซีนตับอักเสบ B ตั้งแต่แรกเกิด โดยจะได้รับวัคซีน 3 เข็ม คือ แรกเกิด, 2 เดือน, และ 6 เดือน ถ้าไม่แน่ใจก็เช็คภูมิได้ ถ้าไม่มีภูมิก็สามารถฉีดวัคซีนกระตุ้นได้
อย่างไรก็ตาม มักจะมีคำถามเสมอว่า การที่รับประทานร่วมโต๊ะกับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B จะทำให้ติดเชื้อหรือไม่ ในเรื่องนี้คุณหมอยืนยันว่าจะไม่ทำให้ติดเชื้อ เพราะไวรัสตับอักเสบ B จะติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การให้เลือด แต่การติดเชื้ออาจจะติดได้จากครอบครัว เช่นคุณแม่เป็นไวรัสตับอักเสบ B แล้วคลอดลูก จะทำให้การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยติดเชื้อ และผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว เพราะโรคไม่แสดงอาการ ไปเจออีกทีก็เป็นเรื้อรังแล้ว หรือตับแข็งแล้ว ดังนั้นหากคนในครอบครัวเป็นไวรัสตับอักเสบ B หรือมะเร็งตับ ก็มีความเสี่ยงที่ติดเชื้อได้ ควรตรวจเช็คสุขภาพ
อันตรายจากไวรัสตับอักเสบ
การดูแลรักษา
ถ้ามีปริมาณไวรัสเยอะ จะต้องกินยาแต่ถ้าเป็นพาหะ อาจจะต้องอุลตร้าซาวด์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจดูปริมาณเชื้อ หากมีสูงก็สามารถแพร่เชื้อได้ หรือต้องกินยาไปตลอด คล้ายเบาหวาน ความดัน ที่ต้องกินยาตลอดชีวิต
สัญญาณการเป็นไวรัสตับอักเสบ
ส่วนใหญ่จะไม่มีสัญญาณบ่งบอกชัดเจน แต่ถ้ามีบุคคลในครอบครัวเป็นตับแข็งโดยไม่ได้กินเหล้า หรือเป็นมะเร็งตับ ก็ควรจะตรวจหาเชื้อเพื่อเช็คสุขภาพ
ไวรัสตับอักเสบ C
ไวรัสตับอักเสบ C มีการติดเชื้อได้ทางเพศสัมพันธ์ หรือการให้เลือด ทุกวันนี้ ไวรัสตับอักเสบ C สามารถรักษาหายขาดได้ โดยต้องกินยาประมาณ 3 เดือน ดังนั้นหากเป็นแล้วอย่าปล่อยเรื้องรัง เพราะอาจเป็นมะเร็งจะรักษายาก
การกินอาหารไขมันเยอะ จะมีผลต่อตับหรือไม่
การกินอาหาร ควรจะกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่ากินอาหารที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้ตับอักเสบ หรือตับแข็ง เช่นอาหาร ปิ้งย่าง ไหม้เกรียม เพราะเมื่อตับแข็งก็จะเป็นมะเร็งตับ การกินเหล้าเป็นสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อย การกินอาการไขมันสูงจะทำให้ไขมันพอกตับ มักจะเจอในคนอ้วน และไขมันแทรกไปในเนื้อตับ จะทำให้ตับอักเสบ และเป็นมะเร็งได้
วิธีป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ
ไวรัสตับชนิด A ป้องกันได้ ยกเว้นถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม ป้องกันโดยการกินอาหารสุก สะอาด ฉีดวัคซีน
ไวรัส B และ C ป้องกันได้โดยสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ งดการสัก การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การเจาะหู เป็นต้น
ไวรัสตับอักเสบ B เป็นแล้วรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ต้องรักษาด้วยการกินยาไปเรื่อยๆ และต้องคอยเช็คอาการมะเร็ง อย่างไรก็ตามเป็นโรคที่ดำเนินไปช้าๆ ใช้เวลานานเป็น 10 ปี ดังนั้นจึงต้องรักษาสุขภาพให้ดี
ของทะเลดิบบางอย่างกินได้ บางอย่างกินไม่ได้ ถ้าทำความสะอาดก็กินได้ นำ้ปลาร้าก็ต้องทำให้สุกก่อน เนื้อหมูก็ต้องทำให้สุก 100% การติดเชื้อไวรัสไวรัสตับอักเสบบี กลุ่มที่ตับแข็ง เบาหวาน ภูมิแพ้ ใบไม้ในตับอยู่ในน้ำจืด เป็นอาหารอีสานเยอะเป็นมะเรผ้งท่อน้ำดี ปลาน้ำจืด หอยน้ำจืด กินโต้ะเดียวกันไม่ติด
การกินอาหารสุกๆดิบๆ อันตรายกว่าที่คิด
จากการสำรวจพบประชากรไทยนิยมกินอาหารดิบ 22.2% เช่นกุ้งแช่น้ำปลา ปลาดิบ, 10% ชอบกินอาหารที่เป็นสัตว์น้ำจืดดิบ, 7% ชอบกินเนื้อดิบ, 5.9% เนื้อหมูดิบ ซึ่งข้อมูลจากกรมสุขภาพชี้ว่า กินหมูดิบเสี่ยงเป็นโรคหูดับ และโรคทางเดินอาหาร รุนแรงอาจถึงขึ้นเสียชีวิต
อาหารทะเล เช่น อาหารญี่ปุ่นที่คนมักชอบทานปลาดิบ หากมีการทำความสะอาดอย่างดีก็รับประทานได้ทั้ง กุ้งดิบ ปลาหมึกช็อต เพราะการปรุงรสบางอย่างช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ฆ่าเชื้อโรคได้ หรือการแช่น้ำปลา อาจทำให้เชื้อโรคตาย รวมทั้งกรดกระเพาะอาหารช่วยฆ่าเชื้อได้ แต่ไม่แนะนำให้คนบางกลุ่มกินจะมีความเสี่ยงสูง เช่น คนไข้ตับแข็ง ผู้ที่กินยากดภูมิ หรือคนไข้เบาหวาน เพราะมีมีโอกาสติดเชื้อง่าย อาจติดเชื้อทางเดินอาหาร หรือติดเชื้อในกระแสเลือดได้ด้วย
กรณีปลาน้ำจืด หอยน้ำจืด พวกนี้จะมีพยาธิอยู่ เช่นพยาธิใบไม้ในตับ ส่วนใหญ่จะพบในอาหารจากน้ำจืดที่ไม่สุก เจอในอาหารอีสานเยอะ เมื่อกินเข้าไปพยาธิจะเข้าไปอยู่ในถุงน้ำดี เกิดการอักเสบเรื้อรัง สุดท้ายเป็นมะเร็งท่อน้ำดี และพบว่าในไทยจะมีการเกิดภาวะเป็นมะเร็งที่ท่อน้ำดีสูงที่สุดในโลก โดยทั่วไปมาจากอาการที่มีพยาธิ ดีงนั้รควรกินอาหารปรุงสุกเท่านั้น เช่น ปลาร้า ก็ควรต้องต้มให้สุกก่อน
เนื้อวัว ที่กินแบบ Rare หรือสุกๆดิบๆ ถ้าทำให้สะอาดดีก็กินได้ แต่สำหรับเนื้อหมู ไม่แนะนำให้กินดิบ จะต้องสุก 100% เพราะเนื้อหมูจะติดเชื้อพยาธิตัวตืดที่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ
นอกจากนี้เนื้อหมูยังทำให้ติดเชื้อไข้หูดับได้ เพราะมีเชื้อแบคทีเรียที่เจอในหมู ถ้ากินไม่สุกและหมูมีเชื้อปนเปื้อนนี้อยู่ อาจทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ หรือติดเชื้อในประสาทส่วนกลางทำลายเส้นประสาทหู บางส่วนรักษาไม่หายเป็นหูดับถาวร
อันตรายจากอาหารปิ้ง ย่าง
การกินอาการปิ้งย่าง หมูกระทะ เสี่ยงอันตราย 3 ชนิดที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น ไนโตรซามีน พบในหมึกย่าง ปลาทะเลย่าง สารไนเตรต ในอาหารประเภท แหนม ไส้กรอก เบค่อน แฮม ที่มีสีแดงกว่าปกติ ทำให้เสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร สารไพโรไลเซต พบในอาหารประเภท ไหม้เกรียม อาหารปิ้งย่าง
การตัดอาหารในส่วนที่ไหม้ทิ้งไป ก็มีส่วนลดสารก่อมะเร็งได้ระดับหนึ่ง มีการศึกษาเช่นกันว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่มาจากการกินสารเนื้อแดงเยอะ แต่ถ้าไม่กินบ่อย กินหลากหลายก็ลดความเสี่ยงไปได้