28 มกราคม 2566
667
เตือนภัย! ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 กระทบสุขภาพ 24 จังหวัดทั่วประเทศ กทม. อากาศปิด 31 ม.ค.-1 ก.พ.
Highlight
กระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 อาจส่งผลต่อสุขภาพ ย้ำประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน และโรงเรียนควรจัดกิจกรรมในร่ม ในวันที่อากาศนิ่งและปิด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครในช่วงวันที่ 31-ม.ค.-1 ก.พ. นอกจากนี้มีถึง 24 จังหวัดที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ฝุ่น PM 2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายระดับ เช่น ระบบตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบหัวใจและหลอดเลือด และอาการระดับรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หากมีอาการรุนแรง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
- กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยผลจากรายงานเฝ้าระวังของกรมควบคุมมลพิษและกรุงเทพมหานคร สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. 66 เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด
- ฝุ่น PM 2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระบบต่างๆ เช่น ระบบตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบหัวใจและหลอดเลือด หากร่างกายได้รับสัมผัส PM 2.5 เข้าไป จะก่อให้เกิดอาการต่างๆ โดยความรุนแรงของอาการมีตั้งแต่อาการระดับเล็กน้อย เช่น แสบตา คันตา น้ำตาไหล คัดจมูก มีน้ำมูก แสบจมูก แสบคอ ไอแห้งๆ คันตามร่างกาย มีผื่น
- อาการระดับปานกลาง เช่น ตาแดง มองภาพไม่ชัด เลือดกำเดาไหล เสียงแหบ ไอมีเสมหะ หัวใจเต้นเร็ว
- อาการระดับรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด เหนื่อยง่าย หากมีอาการรุนแรง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
ประชาชนควรเฝ้าระวังและป้องกันตนเองจาก PM 2.5 ดังนี้
1. ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศ จากสื่อหรือช่องทางต่างๆ ในพื้นที่ ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุชุมชน เป็นต้น โดยให้สังเกตสีเป็นหลัก หากเป็นสีส้มและสีแดง ซึ่งเป็นค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐาน และมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
2. ประเมินตนเองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ เช่น มีอาชีพอยู่กลางแจ้งต้องสัมผัสฝุ่นเป็นเวลานาน หรืออาศัยในพื้นที่เสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด หากพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น และต้องดูแลป้องกันตนเองเป็นพิเศษ
2. ประเมินตนเองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ เช่น มีอาชีพอยู่กลางแจ้งต้องสัมผัสฝุ่นเป็นเวลานาน หรืออาศัยในพื้นที่เสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด หากพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น และต้องดูแลป้องกันตนเองเป็นพิเศษ
3. ในช่วงที่ฝุ่นละอองสูง ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้าน
4. ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงฝุ่นสูง ให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น ทั้งหน้ากากอนามัยหรือ N95 สามารถเลือกสวมได้ความตามเหมาะสมของแต่ละกลุ่ม หรือสวมหน้ากาก 2 ชั้นได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกรองฝุ่นได้
5. ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดในช่วงฝุ่นสูง ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ โดยการเช็ด/ถู แบบเปียก
6. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในบริเวณที่มีฝุ่นสูง เช่น ริมถนน และห้ามสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นทุกชนิดขณะออกกำลังกายโดยเด็ดขาด หรือเปลี่ยนมาออกกำลังกายในบ้าน
7. สังเกตอาการผิดปกติของร่างกายและคนในครอบครัว หากพบว่ามีอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง หรืออาการผิดปกติทางร่างกายอื่นๆ ให้รีบพบแพทย์ทันที
8. ในช่วงที่ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โรงเรียน และศูนย์เด็กเล็ก ควรมีการสื่อสารสถานการณ์ และให้ความรู้แก่นักเรียน ถึงอันตรายและวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้อง
9. เมื่อค่า PM 2.5 อยู่ในระดับสีเหลือง-ส้ม ควรลดหรืองดกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งการเข้าแถวหน้าเสาธงหรือพลศึกษา ส่วนเด็กที่มีโรคประจำตัว หรือเด็กเล็ก ควรได้รับการดูแลและเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด โดยจัดให้มีห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียน
10. สำหรับมาตรการปิดโรงเรียน ขอให้แต่ละโรงเรียนประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน โดยอาจพิจารณาจากทั้งสถานการณ์ PM 2.5 สภาพแวดล้อม และการความปลอดภัยในโรงเรียน และสถานการณ์สุขภาพ
11. ส่วนสถานที่ทำงาน สถานประกอบการ ให้พิจารณากำหนดมาตรการในการลดฝุ่นละออง เช่น carpool
12. หากสถานการณ์ PM 2.5 อยู่ในระดับสีส้ม (มากกว่า 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) อาจพิจารณาให้กลุ่มเสี่ยง เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคระบบทางเดินหายใจหรือโรคหัวใจเป็นพิเศษ อยู่ในห้องปลอดฝุ่น ลดการทำงานกลางแจ้ง เพื่อลดการรับสัมผัสฝุ่น หรือสำหรับงานที่สามารถทำงานทางไกลได้ อาจพิจารณาให้ทำงานที่บ้าน (Work From Home: WFH) ได้ตามความเหมาะสม
13. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจังหวัดใดที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 51 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้พิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center: PHEOC) เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ
14. ส่วนจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37.6-50 มคก./ลบ.ม. ให้เปิดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ (OC) ระดับจังหวัดรองรับ รวมถึงให้เร่งรัดสื่อสารความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 แจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ
24 จังหวัดค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
- ปัจจุบัน มี 24 จังหวัด ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา พิษณุโลก สุโขทัย นครสวรรค์ อุทัยธานี นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง สระแก้ว ขอนแก่น และ กทม. ซึ่งจังหวัดสมุทรสงคราม ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ แล้ว ส่วนอีก 23 จังหวัด อยู่ระหว่างเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมเปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ
- นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ณ วันที่ 24 ม.ค. 66 พบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ รวม 212,674 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 96,109 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ ได้ให้สถานพยาบาลทุกแห่งเตรียมความพร้อม ยาและเวชภัณฑ์ เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยจากปัญหามลพิษทางอากาศแล้ว
- ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ จากแอปพลิเคชัน Air4Thai พร้อมกับปรับกิจกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน หากค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน ขอให้ลดกิจกรรม/ การออกกำลังกายกลางแจ้ง หากต้องอยู่ในพื้นที่ค่าฝุ่นสูง ควรใส่หน้ากากชนิด N95 และไม่ควรอยู่เป็นเวลานาน
- สำหรับประชาชนทั่วไป สามารถใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ ส่วนอาการที่เกิดจากผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 อาทิ แสบตา แสบจมูก อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดศีรษะ อาเจียน ระคายเคืองผิวหนัง ซึ่งหากอาการไม่ทุเลาควรไปพบแพทย์
ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC