หมอยงชี้ ดูแลตนเองสำคัญกว่าวัคซีน 3 ปีเป็นเครื่องพิสูจน์อัตราการเสียชีวิตแต่ละประเทศ
Highlight
ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ หมอยง เผยว่า ระยะเวลา 3 ปี ของการระบาดโควิด-19 เป็นเครื่องพิสูจน์บางอย่างว่า การดูแลตนเองสำคัญมาก วัคซีนที่ได้รับ แต่ละประเทศก็แตกต่างกัน จำนวนผู้เสียชีวิต ก็แตกต่างกัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ-จีน ที่ต่างกันสุดขั้ว กัมพูชา ฉีดวัคซีนเชื้อตายและได้รับบริจาควัคซีน mRNA เพียง 2 แสนโดส แต่เปิดประเทศได้ก่อนประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตน้อยมาก อย่างไรก็ตามวัคซีนช่วยลดการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตและยังไม่มีวัคซีนใดป้องกันไม่ให้ติดเชื้อได้ จึงควรรับวัคซีนตามแพทย์แนะนำ และการดูแลตนเองให้ดีน่าจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีที่สุด
- ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ “หมอยง” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊ค ในหัวข้อ “โควิด 19 ประสิทธิภาพการดูแลรวมทั้งวัคซีน กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
- หมอยงระบุว่า เมื่อเวลาผ่านมาถึง 3 ปี การระบาดของโรค และการใช้วัคซีน ความรุนแรงของโรค และอัตราการเสียชีวิตในแต่ละประเทศ กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
- สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าวัคซีนคือ การดูแลตนเอง สุขอนามัย mask กำหนดระยะห่าง
- ประเทศที่ใช้วัคซีนหลักเป็นเชื้อตาย เช่น กัมพูชา อินโดนีเซีย กัมพูชาเองได้รับวัคซีน mRNA บริจาคเพียง 2 แสนโดส เท่านั้น ที่เหลือเป็นวัคซีนเชื้อตายทั้งหมด กัมพูชาแก้ปัญหาโควิด 19 และเปิดประเทศได้ก่อนประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตน้อยมาก
- ขณะเดียวกันประเทศยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป ใช้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนหลัก แต่ขณะเดียวกันประเทศจีนใช้วัคซีนเชื้อตายเป็นวัคซีนหลัก
- ผลลัพธ์เราคงเห็นผล ในเร็ววันนี้ถึงความแตกต่างกันของ 2 กลุ่มประเทศ ถึงอัตราความรุนแรงที่ทำให้ต้องเสียชีวิต
- ไม่มีวัคซีนใด ที่ป้องกันการติดเชื้อได้เลย แต่วัคซีนทุกตัวลดความรุนแรงของโรคลงได้ และถ้ามองด้านความปลอดภัยหรืออาการข้างเคียง วัคซีนเชื้อตาย ใช้เทคโนโลยีเก่า เช่นเดียวกับวัคซีนพิษสุนัขบ้า ตับอักเสบ A โปลิโอ ที่มีความปลอดภัยสูง และทราบถึงผลระยะยาวของวัคซีนที่ใช้ในอดีตมาแล้ว
- อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็คงรู้จริงว่า ทางฝรั่ง คาดการณ์ว่าจีนจะมีเสียชีวิตเป็นล้านคน คงต้องติดตามดูจำนวนเสียชีวิตเป็นล้าน ไม่สามารถปกปิดได้แน่นอน
- แต่ที่ทราบว่าขณะนี้จุดสูงสุดของการระบาดในจีนได้ผ่านไปแล้ว เช่นเดียวกับประเทศไทย เพราะมีการติดเชื้อไปแล้วมากกว่าร้อยละ 70 จึงเกิดภูมิต้านทานแบบลูกผสม ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูง และลดความรุนแรงของโรค
- “การเปรียบเทียบระหว่างจีนกับอเมริกาเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก” หมอยง ระบุ
รายงานจาก worldometors.info เมื่อ 31 ม.ค.ระบุว่า
- สหรัฐฯ มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 รวมจำนวน 104,183,562 ราย เสียชีวิต 1,132,719 ราย จากจำนวนประชากร 334,805,269 ราย เป็นอันดับ 1 ของโลก
- ประเทศจีน มีผู้ป่วยจากโควิด-19 จำนวน 503,302 ราย เสียชีวิต 5,272 ราย จากจำนวนประชากร 1,448,471,400 ราย ลำดับที่ 91 ของโลก (อ้างอิง worldometers.info)
- ประเทศไทย มีจำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดตาม ข้อมูลของ Worldometers อยู่ที่ 4,726,984 ราย เสียชีวิต 33,865 ราย จากจำนวนประชากร 70,078,203 ราย
- หมอยง เปิดเพิ่มเติมด้วยว่า ติดโควิดรอบ 2 อากราไม่รุนแรง เป็นแล้วเป็นอีกได้ เหมือนไข้หวัดใหญ่ อาการน้อยกว่าครั้งแรก วัคซีนที่ฉีดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีนแต่ละชนิด ไม่ว่าจะสูงต่ำ จึงไม่แตกต่างกัน
- จากการศึกษาของศูนย์ฯ ในผู้ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 ในจำนวนมากกว่า 200 คนพบว่าการติดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่อาการน้อยกว่าการติดเชื้อครั้งแรก ในเกือบทุกลักษณะอาการ ยกเว้นน้ำมูกไหล
- ที่มีการพบในอัตราส่วนที่เท่ากัน อาการที่ลดลง เกิดจากผลที่มีภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น จากการติดเชื้อครั้งแรก รวมทั้งจำนวนหนึ่งได้รับวัคซีน และการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ไวรัส ที่อาจจะทำให้ความรุนแรงลดลง การติดเชื้อครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่อาการจึงน้อยกว่าครั้งแรก
- กระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดลดลงต่อเนื่อง ความเสี่ยงจากนักท่องเที่ยวยังอยู่ระดับปกติ ขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด
- นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อ 8 ราย โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 ราย และที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 ราย เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ อย่างละ 1 ราย
- ประเทศไทยได้มีมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยไม่ต้องกักตัวหรือมีผลตรวจโควิด 19 และขณะนี้หลายประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปก็ใช้มาตรการเปิดประเทศแบบไม่ต้องกักตัวเช่นกัน
- บางประเทศ มีมาตรการแตกต่างออกไป เช่น นักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 14 วัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180-270 วัน หรือผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 และรักษาหายดีแล้ว หลักฐานการตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง หรือมีผลการทดสอบ Rapid Antigen Test ไม่เกิน 24 ชม. ก่อนเดินทาง เป็นต้น
- ขอให้ประชาชนยังคงดูแลตัวเอง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 19 สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เลี่ยงที่แออัดสังเกตอาการตนเอง หากมีไข้ ไอ จาม คัดจมูก มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสชาติ ให้ตรวจ ATK ทันที เพื่อป้องกันการนำเชื้อโควิด 19 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข, worldometers
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC