ประกันสังคมเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตน 4 ข้อ รับปีใหม่ 2564
Highlight
สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 แก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 (มนุษย์เงินเดือน) และมาตรา 39 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2564 เป็นต้นไป
ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร
-
ผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี
-
ได้สิทธิอะไร : ได้รับเงินเพิ่มจาก 600 บาท เป็น 800 บาทต่อคน จ่ายคราวละไม่เกิน 3 คน
-
จำนวนผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ : จำนวน 1.362 ล้านคน คิดเป็นเงิน 13,739 ล้านบาทต่อปี
-
ใช้งบประมาณ : 3,432 ล้านบาท
-
มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 64 เป็นต้นไป
-
ระยะการจ่ายเงินกรณีสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรที่ปรับเพิ่มของงวดเดือน ม.ค. 64 – เม.ย. 64 เป็นต้น
ปรับลดเงินสมทบฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายผู้ประกันตน
-
ปรับลดเงินสมทบเข้ากองทุน ประกันสังคม ฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายผู้ประกันตามมาตรา 33 เหลือ 3% และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ลดลงเหลือ 278 บาท
-
เป็นระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่เดือน ม.ค. – มี.ค. 64) ‼️
-
เพื่อช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประกันตนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
-
ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนายจ้าง และผู้ประกันตนในการจ่ายเงินสมทบรวมเป็นเงินจำนวน 15,660 ล้านบาท
ปรับเพิ่มค่าคลอดบุตร
-
ปรับเพิ่มค่าคลอดบุตรเป็น 15,000 บาท จากเดิม 13,000 บาท ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตาม
พระราชบัญญัติประกันสังคม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม เรื่องหลักเกณฑ์และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกัน
โรคสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน พ.ศ.2563
-
ในปี 64 คาดว่า มีผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ทดแทนจากกรณีคลอดบุตร 293,073 คนต่อปี คิดเป็นเงิน 4,396 ล้านบาท
-
สำนักงานประกันสังคม จ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น 586.146 ล้านบาท
ปรับเพิ่มค่าฝากครรภ์
-
ปรับเพิ่มค่าฝากครรภ์เป็น 5 ครั้ง รวมเป็น 1,500 บาท จากเดิม 3 ครั้ง 1,000 บาท
-
คาดว่าจะมีผู้ประกันตนได้รับสิทธิประมาณ 122,114 ครั้งต่อปี เป็นเงิน 36.6 ล้านบาท
-
สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น 17.89 ล้านบาท ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 64 เป็นต้นไป
ใครอยู่ในมาตรา33 | มาตร39 บ้าง?
-
ประกันสังคม มาตรา 33
“ประกันสังคมมาตรา 33” สำหรับพนักงานเอกชนทั่วไป โดยมีการให้ความคุ้มครอง 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย ตาย ว่างงาน คลอดบุตร
สงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพ ชราภาพ
-
ประกันสังคม มาตรา 39
“ประกันสังคม มาตรา 39” สำหรับผู้ที่เคยเป็นพนักงานเอกชนแล้วลาออก โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33
ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือน ลาออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ลาออกจากงาน ให้ความคุ้มครอง 6 กรณี ดังนี้
เจ็บป่วย ตาย คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพ ชราภาพ
สำหรับผู้ที่รับผลกระทบในกรณีว่างงาน ที่เกี่ยวกับการล็อกดาวน์ในพื้นที่เสี่ยงโควิด19 ทางประกันสังคมเตรียมให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
กรณีที่ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย และหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่
เพื่อป้องกันการระบาด ของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
เป็นผลกระทบให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงาน และไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น
-
ลูกจ้างดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างดังกล่าว มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน
-
เงื่อนไขการรับผลประโยชน์ให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ สั่งปิดพื้นที่
-
ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 1 ปีปฏิทินมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ทุกครั้งรวมกันไม่เกิน 90 วัน ดังนั้น
หากร่างกฎกระทรวงฯ มีผลใช้บังคับจะทำให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ จากการที่หน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของ
โรคติดต่ออันตราย คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ จำนวน 700,727 ครั้ง ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย คิดรวมเป็นเงินกว่า 5,225 ล้านบาท