พื้นฐานอารมณ์ของลูกน้อยที่พ่อแม่ควรทำความเข้าใจ
เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างทางพื้นฐานอารมณ์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งเป็นลักษณะพื้นฐานที่ถูกกำหนดโดยปัจจัยทางชีวภาพจากพันธุกรรม และอาจมีเปลี่ยนแปลงได้ตามสิ่งแวดล้อมที่เด็กนั้นเติบโตมา เช่น การเลี้ยงดูของพ่อแม่ ครู หรือ ผู้ดูแลเด็ก สภาพชุมชน
โดยเด็กแต่ละคนที่เกิดมา จะเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการปรับตัวและรับมือกับโลกรอบตัวที่ต่างกัน เพราะมีพื้นอารมณ์ที่ติดตัวมาไม่เหมือนกัน เช่น เด็กบางคนเลี้ยงง่าย อารมณดี ยิ้ม หัวเราะง่าย ขณะที่เด็กบางคนเลี้ยงยาก งอแง ขี้หงุดหงิด ร้องไห้ตลอดเวลา ปลอบให้หยุดก็ยาก
ทั้งนี้ลักษณะพื้นฐานทางอารมณ์ของเด็กจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาการด้านจิตใจ
ลัดคิวหมอรามาฯ รายการวาไรตี้ ที่รับฟัง รับชม และติดตามได้ทุกเพศทุกวัย มีคำตอบด้านสุขภาพที่ถูกต้องและชัดเจน ในวันนี้ อ. พญ.อัญญพร สุทัศน์วรวุฒิ ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว และ อ. พญ.กนกพรรณ ชูโชติถาวร ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับพื้นฐานทางอารมณ์ของ้ด็กเล็ก การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อม หรือลดสภาวะการแสดงออกเชิงลบ เมื่อเด็กโตขึ้น
▪️ พื้นฐานทางอารมณ์ของลูกน้อยคืออะไร
เด็กมีพื้นฐานทางอารมณ์ติดตัวมา พื้นอารมณ์คือสิ่งที่เด็กตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงดัง อุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ความรู้สึกของตัวเองที่แสดงออกมา แต่ละคนไม่เหมือนกัน
พื้นฐานอารมณ์ที่ติดตัวเด็กมา จะเปลี่ยนแปลงเด็กได้หรือไม่ ? ในเรื่องนี้เราอาจจะเปลี่ยนตัวตนเขาไม่ได้ แต่เราอาจจะเปลี่ยนการแสดงออกของเขาได้ เช่น เด็กที่ร้องไห้เก่ง เมื่อ หิว หรือ ร้อน เมื่อโตขึ้นเขาเรียนรู้พฤติกรรมและเปลี่ยนแปลงการแสดงออกได้
▪️ พื้นฐานอารมณ์ 9 มิติของเด็ก
- ระดับการเคลื่อนไหว
- ความสม่ำเสมอ
- การเข้าหาหรือถอยหนี
- ความไวต่อสิ่งกระตุ้น
- ความสามารถในการปรับตัว
- ความรุนแรงของการตอบสนอง
- คุณภาพอารมณ์
- ความไขว้เขว วอกแวก
- สมาธิ และความทนทาน
▪️ พื้นฐานทางอารมณ์มีกี่ลักษณะ
👉 เด็กเลี้ยงง่าย
- เด็กที่มีอารมณ์และการตอบรับสิ่งรอบตัวดี
- มักจะอารมณ์ดี
- ไม่งอแง กินนอนง่าย
- ปรับตัวได้ง่าย
👉 เด็กเลี้ยงยาก
- ปรับตัวยากเป็นพิเศษ
- มักจะตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวในเชิงลบ
- เจ้าอารมณ์ ขี้โวยวาย
- คาดเดายาก
👉เด็กปรับตัวช้า
- ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวได้ช้า
- ต้องใช้เวลาในการปรับตัว
- อารมณ์ดี แต่อ่อนไหว
- ทำอะไรค่อยเป็นค่อยไป
👉เด็กที่มีลักษณะผสม
- มีพื้นฐานตามแบบเด็กเลี้ยงง่าย แต่ไม่ง่ายเสมอไปทุกเรื่อง
▪️ ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบเมื่อเด็กเริ่มเข้าเรียน
- เด็กขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก พ่อแม่ต้องพยายามให้กำลังใจ ต้องให้เวลาในการปรับตัว อาจจะช่วยประคอง เพิ่มความมั่นใจให้กับเด็กได้
- เด็กบางคนพลังงานเยอะ ซึ่งเป็นลักษณะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นต้องจัดให้มีเวลาวิ่งเล่น เมื่อถูกใช้พลังงานไปบ้าง เขาก็จะสงบลง และสามารถทำกิจกรรมการเรียนที่ต้องใช้สมาธิต่อได้
- เด็กที่ไม่สามารถนั่งนาน ๆ ได้ กลุ่มนี้อาจจะต้องให้โอกาสเขา เช่นทำการบ้าน 10 นาที จากนั้นอนุญาตให้เข้าห้องน้ำ หรือเปลี่ยนกิจกรรมบ้าง และกลับมาต่ออีกรอบ แต่เด็กจะรู้สึกโอเคกว่ามาก
ดังนั้นการเข้าใจเด็ก และตอบสนองเขาได้ถูกตามลักษณะที่เขาเป็น จะช่วยให้มีพัฒนาการและเรียนรู้ในกิจกรรมต่าง ๆ ได้บรรลุผลต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น จะช่วยให้เด็กผ่อนคลายและสงบลงได้
ถ้าไปกดดัน จะทำให้เด็กถอยจากกิจกรรมแต่ถ้าค่อย ๆ ประคับประคองไปจะทำให้เด็กมีกำลังใจในการปรับตัว
ดังนั้นก่อนเปิดเทอม พ่อแม่ควรพาเด็กไปทัวร์สถานที่ ไปโรงเรียนที่เด็กจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เหล่านั้น เพื่อลดความเครียด จะทำให้เด็กปรับตัวง่ายขึ้น ไม่กังวลมากนัก เด็กบางคนร้องให้ทั้งเทอมก็มี เนื่องจากปรับตัวได้ช้า
▪️ การรับมือตามพื้นฐานอารมณ์ของเด็ก
👉 เด็กเลี้ยงง่าย - พ่อแม่ ไม่เครียด มีความสบายใจ และมั่นใจ เพราะเลี้ยงลูกไม่ยาก
👉 เด็กเลี้ยงยาก - ต้องใช้ความอดทนสูง และใจเย็น ยอมรับลักษณะของลูก
👉 เด็กปรับตัวช้า - ต้องไม่บังคับหรือยัดเยียดลูกจนเกินไป ควรให้เวลา และช่วยเหลือในการปรับตัว
👉 เด็กที่มีลักษณะผสม - ต้องเข้าใจอารมณ์ของลูกว่ามีหลายแบบ ค่อย ๆ ปรับ จะทำให้เลี้ยงง่ายขึ้น
เด็กในช่วง 2 - 4 ปี เด็กค่อนข้างแสดงออกทางอารมณ์ค่อนข้างเยอะ เป็นช่วงวัยที่พ่อแม่จะต้องต้องสอนและให้เด็กเรียนรู้เพื่อการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เมื่อโตขึ้นเด็กจะสามารถปรับการแสดงออกได้ และรับรู้การแสดงออกเชิงลบของตัวเองได้
รับชมวิดีโอ : https://youtu.be/uCoMlyKr5mM?si=mkJkuU9ercgNVi32