ไวรัส วายร้าย อันตรายต่อเจ้าตัวน้อย
โรคติดเชื้อถือว่าเป็นภัยร้ายที่คุกคามสุขภาพเด็กเล็ก เนื่องจากเด็กยังมีพัฒนาการด้านภูมิคุ้มกันที่ไม่สมบูรณ์และยังมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงมากพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคบางชนิดได้ โดยสาเหตุการติดเชื้อพบบ่อยทั้งจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือพยาธิ โรคติดเชื้อบางชนิดอาจหายได้เอง บางโรคอาจต้องได้รับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ
ดังนั้นหากเด็กมีอาการป่วยจากโรคติดเชื้อ พ่อแม่ต้องรีบสังเกตอาการเพื่อให้การรักษาได้ทันถ่วงที ในบทความนี้จะพูดถึงโรคติดเชื้อที่เกิดจากไรโนไวรัสที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยสุดในมนุษย์ และเป็นสาเหตุหลักของโรคหวัดตามฤดูกาลในทุก ๆ ปี
ไรโนไวรัสนั้นเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคที่เกียวกับทางเดินหายใจ พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนใหญ่มักจะพบบ่อยมากในเด็ก โดยไรโนวัสรัส มีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ ไรโนไวรัส A B และ C ปกติแล้วไวรัสชนิดนี้จะอยู่ที่บริเวณโพรงจมูก แต่ถ้าเข้ากระจายเข้าไปในบริเวณหลอดลมแล้วเจออุณหภูมิสูงกว่าซึ่งมักจะอยู่ไม่ได้ ผู้ป่วยจึงไม่แสดงอาการมาก โดยจะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่ต่อมาในช่วงประมาณปี 2006 ได่มีการค้นพบไรโนไวรัสตัวใหม่ คือ HRV-C ที่สามารถทนความร้อนได้ดีจึงสามารถลงไปอาศัยอยู่บริเวณหลอดลมได้และทำให้เกิดอาการได้มากกว่า ตั้งแต่หลอดลมอักเสบ, ปอดบวม และมีอาการคล้ายกับผู้ป่วย RSV
สาเหตุของการติดเชื้อไรโนไวรัส
- การสัมผัสสารคัดหลั่งของระบบทางเดินหายใจ (น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ) ที่มีเชื้อไรโนไวรัส
อาการของการติดเชื้อไรโนไวรัส
- คัดจมูกหรือแสบจมูก
- น้ำมูกไหล
- ไอ จาม
- เจ็บคอ
- มีไข้
- ตาแดง
- หายใจหอบเหนื่อย
- หลอดลมอับเสบ
- ปอดอับเสบ
การตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อไรโนไวรัส
- การส่งตรวจหาเชื้อไวรัส 21 สายพันธุ์ ชนิด PCR
การรักษาการติดเชื้อไรโนไวรัส
- รักษาตามอาการและความรุนแรงของโรค เช่น ถ้ามีไข้ ให้รับประทานยาลดไข้ หรือ หากมีอาการไอ ให้กินยาบรรเทาอาการไอและควรดื่มน้ำอุ่นบ่อย ๆ
- กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคเรื้อรัง
- เด็กเล็กยังดูแลตัวเองไม่ได้ หายใจไม่สะดวก หากป่วยแล้วดูแลไม่ดี ไปหาหมอไม่ทันเวลาอาจทำให้เกิดอาการปอดบวม ปอดชื้น ถึงขั้นเสียชีวิตได้
- ผู้สูงอายุปอดไม่ค่อยสมบูรณ์ เวลาเป็นหวัดจะมีอาการรุนแรงมาก
- หญิงตั้งครรภ์ถ้าไอบ่อยก็มีปัญหาต่อทารกในครรภ์และการตั้งครรภ์ได้
การป้องกันการเกิดการติดเชื้อจากไรโนไวรัส
- ดูแลสุขอนามัยโดยหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
- กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำให้เพียงพอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างไรก็ดีโรคติดเชื้อนั้นถือว่ามีอันตรายและควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ ว่าเป็นการติดเชื้อประเภทไหนและมีความจำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะหรือไม่ เพราะการกินยาปฏิชีวนะที่ไม่ถูกวิธีและไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจำเป็นต้องได้รับยา อาจจะทำให้เกิดภาวะการดื้อยาได้ ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญในระบบสาธารณะสุขด้วย ดังนั้นหากมีอาการที่ผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยควรรีบพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและตรวจรักษาอย่างทันท่วงที ด้วยความปรารถนาดีจาก “ทันข่าวสุขภาพ”
รับชมวิดีโอ : https://youtu.be/K9KjogNChuU?si=jQ3NyjsH-Kxaba0o