25 สิงหาคม 2567
333

โรคร้ายในเด็ก เช็กให้ชัวร์


โรค SLE หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง ที่คนไทยส่วนใหญ่จะเรียกติดปากว่า โรคพุ่มพวง เป็นโรคที่เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดการทำงานผิดปกติ โดยระบบภูมิคุ้มกันแทนที่จะปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม แต่กลับหันมาทำลายร่างกายของตัวเองแทนทำให้เกิดการเจ็บป่วยในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบมากในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ และผู้ที่เป็นโรคนี้ก็จะมีความทุกทรมานในการใช้ชีวิตประจำวันมาก


สาเหตุของโรค SLE 

อย่างไรก็ดีสาเหตุที่แท้จริงของโรค SLE ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นปัจจัยเสี่ยงและเชื่อมโยงกับการเกิดโรค เช่น 

  • ความเสี่ยงทางพันธุกรรม 
  • สิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย 
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย 
  • การได้รับแสงแดดมากเกินไป 
  • การติดเชื้อบางชนิด 
  • การใช้ยาบางประเภทก็สามารถกระตุ้นให้เกิดโรค SLE ได้เช่นกัน

อาการของโรค SLE 

สามารถแสดงออกได้ในหลายระบบของร่างกาย อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ผื่นแดงรูปผีเสื้อบริเวณแก้มและจมูก
  • ปวดข้อและอักเสบบริเวณข้อ
  • อาการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียอย่างรุนแรง
  • ไข้ต่ำที่เป็น ๆ หาย ๆ
  • ผมร่วง
  • ความผิดปกติของไตซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้
  • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและปอด เช่น หัวใจเต้นผิดปกติหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

การรักษาโรค SLE 

  • การใช้ยากดภูมิคุ้มกันเพื่อควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ใช้ยาต้านการอักเสบ เช่น ยา NSAIDs เพื่อบรรเทาอาการปวดข้อและอักเสบ
  • ใช้ยาสเตียรอยด์เพื่อควบคุมการอักเสบที่รุนแรง

การป้องกันโรค SLE

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง โดยการใช้ครีมกันแดดหรือสวมเสื้อผ้าที่ปกป้องจากแสงแดด
  • หลีกเลี่ยงความเครียดและพยายามผ่อนคลายจิตใจ
  • ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในการกินยา
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของโรค
  • ออกกำลังกายและกินอาหารตามที่แพทย์แนะนำ

โรค SLE เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องการการดูแลและการรักษาอย่างต่อเนื่อง การรู้จักและเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การป้องกันและการจัดการกับโรคนี้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ หากมีอาการที่ผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและตรวจรักษาอย่างทันท่วงที ด้วยความปรารถนาดีจาก “ทันข่าวสุขภาพ”

รับชมวิดีโอ : https://youtu.be/rm1Ha94HHvo?si=POnKj2XEFItdDXVg

 

ติดต่อโฆษณา!