กักตัวอย่างไร ? ไม่ให้แพร่เชื้อโควิด-19 คนในบ้าน
HighLight :
กรมควบคุมโรค แนะผู้ที่มีประวัติอาจสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ควรกักตัวเองที่บ้านหรือที่พักอาศัย 14 วัน พร้อมกับสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและสมาชิกในบ้าน ด้วยการแยกห้องหรือพื้นที่ แยกกินข้าว แยกอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว เน้นอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ถ้ามีไข้เกิน 37.5 องศา และไอ มีน้ำมูก เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ท้องเสีย รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือ อสม. ใกล้บ้านทันที
สถานการณ์โควิด-19 ในไทยขณะนี้ ยอดติดเชื้อรายวันทะลุหลักหมื่น 9 วันติดต่อกันแล้ว และวันนี้สถิติใหม่ ทะลุ 1.5 หมื่นคนเป็น “ครั้งแรก” อีกด้วย ดังนั้น ถ้าคุณมีประวัติอาจสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ คุณก็ต้องกักตัวเองที่บ้านหรือที่พักอาศัย เป็นเวลา 14 วัน แต่หลายคนก็ไม่ได้อยู่บ้านเพียงลำพัง แถมสายพันธุ์ Delta กับ Alpha ที่ระบาดหนักในไทยขณะนี้ ติดเชื้อกันได้ง่ายกว่าระลอกที่แล้ว ยิ่งทำให้ข้อปฏิบัติการกักตัวเองในบ้าน ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้นไปอีก
การกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ทำอย่างไร ? ไม่ให้แพร่เชื้อโควิด-19 แก่คนในบ้าน “ทันข่าว Today” รวบรวมข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาให้ติดตามกัน
ข้อแนะนำในการกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ปฏิบัติดังนี้
- จัดสถานที่พักและอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อมเน้นแยกที่พักให้เป็นสัดส่วน เช่น ห้องนอน ที่นอน หากแยกไม่ได้ อาจใช้แผ่นกระดาษหรือพลาสติกกั้นห้อง เพื่อแบ่งสัดส่วนชั่วคราว เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวก
- เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร
- แยกของใช้ส่วนตัว
- แยกห้องน้ำ หากแยกไม่ได้ ให้ใช้เป็นคนสุดท้ายและทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออุปกรณ์ภายในบ้านด้วยน้ำผสมผงซักฟอก น้ำผสมน้ำยาฟอกขาว หรือแอลกอฮอล์ 70%กรณีใช้ชักโครก ให้ปิดฝาทุกครั้งก่อนกดชักโครก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ทิ้งขยะในถุงและมัดปากถุงให้แน่น ก่อนนำไปทิ้งรวมกับขยะทั่วไป
- เน้นการดูแลอนามัยส่วนบุคคล ด้วยการล้างมือฟอกด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล 70% ทุกครั้งก่อนและหลังสัมผัสสิ่งของที่ต้องใช้ร่วมกับคนอื่น
- ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่คลุกคลีกับคนอื่น
- แยกซักเสื้อผ้าเอง
- งดการสัมผัสหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยงชั่วคราว เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถติดไปกับขนสัตว์ได้
- แยกกินอาหาร ถ้าผู้อื่นจัดหาอาหารให้ ควรกำหนดจุดรับอาหารเพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรง
- เฝ้าระวังอาการป่วยตนเองระหว่างกักตัว ด้วยการใช้ปรอทตรวจวัดไข้ทุกวัน และสังเกตอาการผิดปกติ หากพบว่ามีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส และมีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย ตาแดง จมูกไม่ได้กลิ่นหรือลิ้นไม่รับรส มีผื่นขึ้น ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องเสีย อาเจียน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านหรืออาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) ทันที เพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลตามขั้นตอนต่อไป หากมีข้อสงสัยขอรับคำปรึกษาทางสายด่วนควบคุมโรค โทร. 1422
ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด 19 มีอัตราการติดเชื้อร้อยละ 11.83
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทย ยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่แสดงอาการป่วยและไม่แสดงอาการป่วยแต่สามารถแพร่เชื้อติดต่อไปยังคนอื่นได้ ทำให้จำนวนผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อมีมากขึ้นตามไปด้วย ผลจากการดำเนินการสอบสวนเพื่อควบคุมโรคในพื้นที่หลังจากมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่จากทั่วประเทศจนถึงขณะนี้ พบว่าผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด 19 มีอัตราการติดเชื้อร้อยละ 11.83 ซึ่งยังอยู่ในอัตราที่สูง
ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Delta 1 คน สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ 5-8 คน !!!
เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่เป็นปัญหาหลักของไทยขณะนี้ คือสายพันธุ์ Delta และ Alpha ที่ติดต่อกันได้ง่าย ซึ่งผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Delta 1 คน สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ 5-8 คน ส่วนเชื้อสายพันธุ์ Alpha 1 คน แพร่เชื้อได้ 4-5 คน
กักตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน สกัดกั้นการแพร่ระบาด
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า มาตรการที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดให้ยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดการเสียชีวิตและผลกระทบอื่น ๆ คือ การป้องกันการติดเชื้อและควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปมากกว่านี้ จะต้องดำเนินการร่วมกันทุกฝ่ายไปในแนวทางเดียวกันอย่างเข้มข้น กรมควบคุมโรคจึงขอความร่วมมือประชาชนที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิดระหว่างที่ใช้ชีวิตประจำวัน ขอให้กักตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน เป็นช่วงที่เชื้อฟักตัวเพื่อสังเกตอาการว่าติดเชื้อหรือไม่ สามารถดำเนินการได้ทั้งในบ้าน อาคารชุด เช่น หอพัก คอนโดมิเนียม ต่าง ๆ ทั้งประเภทอยู่คนเดียว หรืออยู่ร่วมกับครอบครัวหรือพักร่วมกับผู้อื่น สร้างความปลอดภัย ทั้งตนเองและคนในครอบครัว
ที่มาอินโฟกราฟิก: กรมควบคุมโรค
#รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์คลิกอ่านทันข่าว