19 กันยายน 2564
1,441

ศธ.เปิดไทม์ไลน์นักเรียนเริ่มฉีดวัคซีนโควิด 4 ต.ค. ขณะที่กรมควบคุมโรคตั้งเป้าฉีดเข็มที่ 1 ให้ถึง 50% ของประชากร ภายใน ต.ค.นี้

ศธ.เปิดไทม์ไลน์นักเรียนเริ่มฉีดวัคซีนโควิด 4 ต.ค. ขณะที่กรมควบคุมโรคตั้งเป้าฉีดเข็มที่ 1 ให้ถึง 50% ของประชากร  ภายใน ต.ค.นี้
Highlight :

1. กระทรวงศึกษาธิการเปิดไทม์ไลน์ฉีดวัคซีนนักเรียนเริ่ม 4 ตุลาคม
2. กรมควบคุมโรคตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ถึง 50% ของประชากรหรือ
    ประมาณ 28 ล้านคนภายใน ตุลาคม(ปัจจุบันอยู่ที่ 39.7%)
3. เตรียมฉีดวัคซีน ประชาชน 1 ล้านโดสเป็นอย่างน้อยในทุกเข็ม
    ในวันมหิดล (วันที่ 24 ก.ย.)
4. ขณะนี้วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยมี 4 ชนิด คือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม
    แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์วัคซีนหลักที่ใช้ฉีดเข็มที่ 1 คือ
    ซิโนแวคและเข็มที่2 แอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3-4 สัปดาห์


กระทรวงศึกษาธิการ ได้อัปเดตไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับนักเรียน นักศึกษา อายุ 12-18 ปี ทุกสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านเฟซบุ๊ก ศธ.360 องศา เข็มแรกเริ่ม 4 ตุลาคม โดยมีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 10-17 กันยายน 2564 กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมกับ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพม.) อาชีวศึกษาจังหวัด (อศจ.) และผู้บริหารโรงเรียน สถานศึกษา ซักซ้อมความเข้าใจในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ และทำความเข้าใจผู้ปกครอง รวมทั้งระหว่างนี้โรงเรียน สถานศึกษา จัดเตรียมรายชื่อและจำนวนนักเรียน


17-22 กันยายน 2564 : โรงเรียน / สถานศึกษา จัดประชุมทำความเข้าใจให้ข้อมูลกับผู้ปกครองในการฉีดวัคซีน

21-24 กันยายน 2564 : โรงเรียน / สถานศึกษา เชิญผู้ปกครองลงนามแจ้งความประสงค์ (ยินยอม) ให้นักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์

25 กันยายน 2564 : โรงเรียนสถานศึกษา นำส่งบัญชีรายชื่อนักเรียน ที่ประสงค์จะรับวัคซีนไฟเซอร์ แก่ ผอ.สพม. /อศจ. แล้วนำส่ง ศธจ.

26 กันยายน 2564 : ผอ.สพม. / อศจ./ ศธจ. ผู้แทนหน่วยงานในจังหวัดประชุมสรุปจำนวนและรายชื่อนักเรียน เพื่อนำส่งสาธารณสุขจังหวัด

28-30 กันยายน 2564 : สาธารณสุขจังหวัด วางแผนการเข้ารับวัคซีน และกำหนดการฉีดวัคซีนรายโรงเรียน

1ตุลาคม 2564 : โรงเรียน สถานศึกษา รับทราบกำหนดการฉีดวัคซีน และจัดเตรียมสถานที่

4 ตุลาคม 2564 : เริ่มการฉีดวัคซีนนักเรียน

นอกจากนี้กรมควบคุมโรค ได้ตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เข็มที่ 1 ประมาณ 28 ล้านคน และจะเร่งให้ครบ 50% ของประชากร ภายในตุลาคมนี้  โดยใช้สูตรไขว้ “ซิโนแวคกับแอสตร้าเซนเนก้า” ครบ 2 เข็มภายใน 3 สัปดาห์ และเตรียมความพร้อมฉีด 1 ล้านโดสทุกเข็ม 24  ก.ย. 2564 วันมหิดล

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ว่า ภาพรวมขณะนี้ดีขึ้น ประชาชนสามารถใช้ชีวิตวิถีใหม่อยู่กับสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ได้อย่างเคร่งครัดตามมาตรการป้องกันตนขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention for COVID - 19)

โดยประชาชนเริ่มคุ้นชินกับการใช้วิถีชีวิตแบบปกติใหม่ (new normal) เช่น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน  ล้างมือ รักษาระยะห่าง  งดไปในสถานที่แออัด เป็นต้น

สำหรับฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 กพ. - 17 กันยายน 2564 ฉีดวัคซีนรวม 43,889,427 โดส โดยฉีดครบ 2 เข็ม จำนวน 14,657,681 โดส และฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้ว จำนวน 28,611,321 โดส ซึ่งฉีดได้ประมาณ 9 แสนโดสต่อวัน พร้อมทั้งเร่งรัดให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ได้ ร้อยละ 50 อย่างช้าภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ตามเป้าของกระทรวงสาธารณสุข

“กระทรวงสาธารณสุข เตรียมแผนระดมพลังฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ประชาชน 1 ล้านโดสเป็นอย่างน้อยในทุกเข็ม ในวันมหิดล วันที่ 24 กันยายน 2564 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีด ขอให้รีบรับบริการฉีดวัคซีนที่สถานบริการใกล้บ้าน” นายแพทย์โอภาส กล่าว

นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยมี 4 ชนิด คือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ซึ่งผ่านการรับรองทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอนามัยโลกและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

โดยวัคซีนหลักที่ใช้ฉีดเข็มที่ 1 คือ ซิโนแวคและเข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ จากผลการศึกษาวิจัยในประเทศพบว่า วัคซีนทั้งสองชนิดนี้จะเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ใช้เวลาสั้นกว่าวัคซีนสูตรปกติ  รายใดที่พบว่ามีปัญหาแพ้วัคซีนเข็มแรก เช่น มีผื่นขึ้นบวมแดงหรือหายใจติดขัด จะเปลี่ยนชนิดที่มีความปลอดภัยแทน

ทั้งนี้ จะฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากภูมิคุ้มกันเริ่มลดลงหลังฉีด 3-6 เดือน โดยประชาชนที่จะเข้ารับการฉีด จะได้รับการแจ้งข้อความ SMS ผ่านทางแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือลงทะเบียนที่สถานพยาบาลเดิม และเข้ารับบริการที่จุดฉีดวัคซีนกลางในแต่ละพื้นที่กำหนด เช่น ในกรุงเทพฯ ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ส่วนกลุ่มนักเรียน 12-17 ปี ที่จะเริ่มฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 1 ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ จะคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และเป็นไปตามเจตจำนงของผู้ปกครองเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการบริหารจัดการระบบการฉีดให้รัดกุมและมีความปลอดภัยสูงสุด

ที่มา : กระทรวงศึกษาธิการ, กรมควบคุมโรค, MGR online
ติดต่อโฆษณา!