12 ตุลาคม 2564
1,864

เลือกหุ้นเด่นรับธีมเปิดประเทศ

เลือกหุ้นเด่นรับธีมเปิดประเทศ
Highlight

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ เตรียมเปิดประเทศด้วยการรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในวันที่ 1 พ.ย. นี้ โดยเริ่มที่ประเทศความเสี่ยงต่ำที่ฉีดวัคซีนครบ ก่อนที่จะเปิดประเทศเต็มรูปแบบในปีหน้า รวมทั้งเตรียมเปิดสถานบันเทิงในประเทศ เดือนธันวาคมนี้ ก็น่าจะเป็นตัวสร้างความหวังให้กับเศรษฐกิจและการลงทุนได้อย่างมาก ทันข่าวToday รวบรวมมุมมองนักวิเคราะห์ที่มีต่อตลาดหุ้นไทย

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ประเด็นหลักคือ แนวทางการเปิดประเทศตามแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี ช่วงค่ำวานนี้ ใจความสำคัญ คือ

1. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวเดินเข้ามา โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมาจากประเทศความเสี่ยงต่ำ และจะเพิ่มจำนวนประเทศภายในวันที่ 1 ธ.ค.2564 และ 1 ม.ค.2565

2. วันที่ 1 ธ.ค. พิจารณาให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และให้สถานบันเทิงเปิดบริการได้เราเชื่อว่า ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าว จะทำให้กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม-ขนส่ง และกลุ่ม Reopening Play เช่น ค้าปลีก ศูนย์การค้า ร้านอาหาร เป็นต้น ปรับตัวขึ้นเด่นวันนี้

นอกจากนี้ เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว แตะระดับ THB33.6/USD 

สำหรับกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี น่าจะมีสีสันเช่นกัน ด้วยแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทะลุ US$80/bbl ดังนั้น เราคาดหวังการฟื้นตัวของ SET INDEX วันนี้ กลับขึ้นไปทดสอบแนว 1,640-1,645 จุด

สำหรับ หุ้นเด่นวันนี้มี 4 นำโดย TRUE เราคาดว่าผลประกอบการ 3Q64 จะขาดทุนลดลงทั้ง YoY และ QoQ คาดขาดทุนปกติที่ 300 ลบ. จาก 2Q64 ที่ 609 ลบ. และ 3Q64 ที่ 1.15 พันลบ. จากแผนควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่เริ่มเห็นชัดมากขึ้นในไตรมาสนี้

คาดปี 2565 จะพลิกเป็นกำไร 1.5 พันลบ. จากการขอลดค่าเช่าคลื่น 850MHz กับ NT ที่จะหมดลงในปี 2568 ซึ่งปัจจุบันจ่ายอยู่ปีละ 4-6 พันลบ. แต่มีการใช้งานที่ลดลงมาก เนื่องจากคลื่นในมือเพียงพอ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ EV/EBITDA2565 เพียง 6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ราว 7-8 เท่า และ Upside ที่ยังไม่รวมไว้คือการควบรวมกิจการ

หุ้นเด่นตัวต่อมา AOT แผนการเปิดประเทศของรัฐบาลเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและได้รับการฉีดวัคซีนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 และจะทยอยเพิ่มรายชื่อประเทศที่สามารถเดินทางเข้าไทยได้เพิ่มเติมในวันที่ 1 ธ.ค.2564 และ 1 ม.ค.2565 เพื่อให้สอดรับไปกับ High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว เป็นบวกโดยตรงต่อธุรกิจสนามบิน ทางเทคนิคแนวต้าน 65.00 บาท และ 68.00 บาท แนวรับ 64.00 บาท เราคาดว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะเป็นกลุ่มเด่นที่ช่วยผลักดันตลาด

หุ้นเด่นอีกตัวคือ CBG ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 125.50 บาท แนวรับ 120.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 118 บาทหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มได้ประโยชน์จากภาคบริโภคที่เข้าสู่การฟื้นตัว หลังรัฐบาลประกาศแผนเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. รวมทั้งแรงหนุนของการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นบวกต่อยอดขายของบริษัท

หุ้นเด่นสุดท้าย KBANK กลุ่มธนาคารได้ผลบวกโดยตรงจากแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2565 ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับกลุ่มธนาคารที่จะได้ประโยชน์จาก

1. สินเชื่อขยายตัว
2. การตั้งสำรองลดลง
3. คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม SME, ท่องเที่ยวและโรงแรม ซื้อขายที่ระดับ PBV 0.7 เท่า เทียบกับ SCB ที่ระดับ PBV 1.0 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า KBANK มีความน่าสนใจมากกว่าเชิง Valuation

บล.เอเซีย พลัส มอง SET Index แนวรับ 1,625 จุด แนวต้าน 1,657 จุด

หุ้นเด่นวันนี้ ตัวแรกคือ CENTEL ( FV@43)

หุ้นเด่นตัวถัดมา AOT(FV@70)

หุ้นเด่นตัวสุดท้าย KBANK (FV@154) หุ้นใหญ่ มีปัจจัยบวกหนุนทิศทางการกระจายวัคซีน COVID-19 ในไทยและทั่วโลกเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การทยอยผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการ Lock Down ภาพดังกล่าวคาดหมายแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2565 ดีกว่าปี 2564 คาดหนุนคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ที่มีสัดส่วนลูกหนี้ประมาณ 20% ของพอร์ตสินเชื่อ อิงกับภาคท่องเที่ยว

อีกทั้งโครงสร้างสินเชื่อจาก SME ราว 33% ของพอร์ตสินเชื่อธนาคารฯ มากสุดในกลุ่มฯกนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ประเมินว่าจะยืนยันความเชื่อว่าดอกเบี้ยไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วบวกกับหุ้นกลุ่ม Bank ทำให้ผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารมี Downside จำกัด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปิดประเทศ โดยไม่กักตัว วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,625 จุด และแนวต้าน1,650 จุด เน้นหุ้นอิงการเปิดประเทศ

โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ GLOBAL คาดกำไร 3Q64 เติบโต 39% YoY จากยอดขายเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าSSSG + 11% พสานการเปิดสาขาใหม่ด้านอัตราทำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากราคาเหล็กเพิ่ม และปรับราคาสินค้า House brand คาดน้ำท่วมจะหนุนความต้องการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด ทำให้กำไร 4Q64 ยังเตินโตดีต่อเนื่อง YoYเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27 บาท

หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ AOT 1 พ.ย. รัฐฯเตรียมเปิดประเทศ แบบไม่ต้องกักตัว คาดจะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และคาดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในสนามบินที่
จะค่อยๆลดลง ล้วนเป็นแรงหนุนต่อผลประกอบการ AOT ปรับตัวดีขึ้นเป้าหมายเชิงกลยุทร์ 72 บาท

บล.ไทยพาณิชย์ มองว่า SET ได้รับปัจจัยบวกการเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. อย่างไรก็ตาม มองเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น โดยคาดตลาดน่าจะรอดูผลตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามามากกว่า ขณะที่ความกังวลด้านเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น กดดันภาวะการลงทุน ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,640-1,648 จุด ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,630 และ 1,620 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์การลงทุนใช้การ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง

พอร์ตหลักเน้นหุ้นเชิงรับ

1. หุ้นที่คาดกำไร 3Q64 เติบโตทั้ง YoY- QoQ BBL, KBANK, BDMS, RJH
2. หุ้นที่ได้อานิสงส์คลายล็อกดาวน์เพิ่มเติม MINT, ERW ,CRC, SPALI

พอร์ตเทรดดิ้ง

1. หุ้นพลังงานที่ได้ momentum เชิงบวกจากราคาน้ำมันทรงตัวสูง BCP, PTTEP, TOP
2. หุ้นที่ได้อานิสงส์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นขาขึ้น IVL

หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ BCP (ราคาเป้าหมาย 34.00 บ.), TOP (ราคาเป้าหมาย 70.00 บ.) ธุรกิจโรงกลั่นฟื้นตามค่าการกลั่นที่ปรับขึ้น ธุรกิจการตลาดมีปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากการเปิดเมือง และระยะสั้นหลีกเลี่ยงการลงทุน/Short หุ้น CBG, TU ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นกดดันกำไร 3Q64 ลดลงทั้ง YoY, QoQ

ขณะที่ บล.กสิกรไทย มองเป้าดัชนีวันนี้ 1,620-1,655 จุด

หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ JWD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 15.40 บาท ราคาเป้าหมายที่ 16.20 บาท หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ KEX ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 40 บาท ราคาเป้าหมาย 42 บาท และหุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ AOT ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 64. 25 บาท ราคาเป้าหมายที่ 67.25 บาท

ติดต่อโฆษณา!