20 ธันวาคม 2564
3,068

3 นักเศรษฐศาสตร์ดัง ฟันธงเศรษฐกิจปี 65 ฟื้นตัว

3 นักเศรษฐศาสตร์ดัง ฟันธงเศรษฐกิจปี 65 ฟื้นตัว
Highlight 
ปีหน้าเศรษฐกิจไทยเป็นปีเสือหมอบที่พร้อมกระโจน โดยทิศทางเศรษฐกิจ น่าจะสดใสขึ้น จากปัจจัยการส่งออก กำลังซื้อที่ดีขึ้นและภาคการท่องเที่ยว ที่ทยอยฟื้นตัว
เมื่อถึงปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.9% โดยปัจจัยชี้วัด ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ การระบาดของ โควิด-19 จะกลับมาระบาดใหม่อีกหรือไม่ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวว่าจะ กลับมาหรือไม่ 

3 นักเศรษฐศาสตร์แนวหน้า  ฟันธงแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2565 ในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2564 สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ภายใต้หัวข้อ “ทางรอด 2022 Survival Guide” มองเป็นปีเสือหมอบที่พร้อมกระโจน โดยทิศทางเศรษฐกิจน่าจะสดใสขึ้น จากปัจจัยการส่งออก กำลังซื้อที่ดีขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย

สำหรับปัจจัยเสี่ยง คือ การเมืองของสหรัฐฯ ที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการสร้างกระแสนิยม โดยต้องการให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีการเติบโตอันดับ 1 จีดีพีขยายตัว 4-5% แต่จะเห็นว่าจีนไล่ตามมาติดๆ ซึ่งจะมีผลต่อการต่อสู้ในเรื่อง สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยี ซึ่งไทยเป็นประเทศเปิดขนาดเล็กจึงมีโอกาส ได้รับผลกระทบแน่นอน

ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาท ประเมินว่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยจะอ่อนค่า ที่สุดในช่วงกลางปีที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งภายหลังจากนักท่องเที่ยว ทยอยเข้ามา ทำให้มีรายได้และดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวก จะเห็นค่าเงินบาท กลับมาแข็งค่าในระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะต้องกลับมาดูนโยบายการเงิน

ภาครัฐจะเป็นส่วนสำคัญ และมองว่าวันนี้ภาครัฐยังมีเงิน ไม่ได้ถังแตก แต่ไม่ได้บอกว่ารัฐต้องมากู้และใช้เต็มที่ จากการระบาดของโควิดในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐใช้เงินไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท ชึ่งหากมีการระบาดรอบถัดๆ ไปก็ยังมีเงิน เพื่อนำมาใช้พยุงเศรษฐกิจต่อได้ 

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร

เมื่อถึงปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.9% โดยปัจจัยชี้วัด ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ การระบาดของโควิด-19 จะกลับมาระบาดใหม่อีกหรือไม่ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวว่าจะกลับมาหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามมองว่า กว่าจะเห็นเศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตเหมือนก่อนโควิด-19 อาจต้องรอไปถึง ปี 2566

ขณะที่นโยบายการเงิน จะเห็นว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเต็มที่จนเกิดปัญหาเงินเฟ้อแล้ว แต่ไทยยังไม่ทันฟื้น โดยเงินเฟ้อพุ่งสูงในรอบ 40 ปี ที่ระดับ 6.1% ซึ่งปัญหาปัจจุบัน คือ ฝั่งซัพพลายโตไม่ทันดีมานด์ ทั้งการขนส่ง ตลาดแรงงาน และการขาดแคลนชิป

ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาส่งสัญญาณว่าต้องดูเศรษฐกิจ ภายในประเทศ หากเศรษฐกิจโตไม่ดีจริงการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะลำบาก ดังนั้น จะเกิดความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทจะมีความผันผวนได้ ซึ่งผู้ประกอบการและนักธุรกิจจำเป็นต้องติดตาม

ดร.ชนินทร์ มโนภินิเวส นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านโครงสร้างพื้นฐาน ธนาคารโลก

เวิร์ดแบงก์คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตที่ 1% และปีหน้าคาดขยายตัว 3.9% โดยเชื่อว่าภาครัฐจะมีบทบาทสูงมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจากนอกเป็น ผู้จ้างงานแล้ว ยังเป็นพื้นฐานของฐานรากคือประชาชนทั่วไปด้วย ที่ต้องการความช่วย เหลืออยู่

ปีหน้าถึงแม้เศรษฐกิจไทย จะไม่ได้เติบโตเท่ากับรประเทศอื่นๆ แต่เราสามารถใช้ เวลา ในการสร้างพื้นฐานกำลังภายในให้ฐานรากแข็งแรงได้

สิ่งที่ต้องจับตาคือทั้งความไม่แน่นอนของการขนส่ง และปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จากซัพพลายที่มีความไม่แน่นอน เพราะภาคการผลิตเกี่ยวโยงกันหมด อาจทำให้การผลิตโลกเกิดการสะดุด ทำให้เศรษฐกิจไทยสะอึกได้จากปัจจัยเหล่านี้”

อ้างอิง :

https://www.prachachat.net/finance/news-824327

https://www.bangkokbiznews.com/business/978114

ติดต่อโฆษณา!