25 มกราคม 2565
1,536

ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมลุยสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมเปิดตัว TDX ไตรมาส 3/65

ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมลุยสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมเปิดตัว TDX ไตรมาส 3/65
Highlight

สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังมาแรง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไม่ตกเทรนด์นี้เตรียมเปิดตัว Thailand Digital Exchange (TDX) หรือ บริษัทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำกัด ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 3 ของปี 65 นี้ พร้อมด้วยสินทรัพย์แรกที่จะซื้อขายคือ Investment Token เชื่อว่าจะสร้างความสนใจและสร้างความแตกต่างในการลงทุนสินทรัพย์ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตลาด LiVE Exchange สำหรับธุรกิจ SME และ Startup ในไตรมาสแรก รวมทั้งส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจในแนวทางการเติบโตอย่างยืนหรือ ESG อีกด้วย


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมความพร้อมในการเปิดตัว TDX ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัล โดยคาดว่าจะเปิดบการบริการในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 และได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้เริ่มประกอบธุรกิจได้ 

ทั้งนี้ TDX ถูกบรรจุในแผนพัฒนาธุรกิจของ ต.ล.ท. ในระยะ 3 ปี หรือในช่วง 2565-2567 พร้อมกันนี้เตรียมเปิดกระดานเทรด “LiVE Exchange”เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัพ ในไตรมาสแรกของปีนี้อีกด้วย

นอกจากนี้เตรียมส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนระดมทุนแบบ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องปรับแผนงานมี 3 ปัจจัยด้วยกัน ประกอบด้วย 

1. เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวแบบ K-shape ซึ่งกระทบในเรื่องการลงทุน จะเห็นว่านักลงทุนต้องการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ต้องการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ในหลากหลายประเภทรวมถึงการลงทุนข้ามประเทศ ส่วนการระดมทุนก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวที่แตกต่างกันระหว่างอุตสาหกรรมและขนาดธุรกิจ 

2. ระบบนิเวศที่มีความคล่องตัวสูง ซึ่งมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์โควิด-19 และการปรับกระบวนการทำงานเข้าสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น

3. ความมั่นคงทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นและแนวโน้มความสนใจด้านความยั่งยืนที่มีมากขึ้น

“เหล่านี้เป็นโจทย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระยะ 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) ที่จะต้องทำให้ตลาดทุนไทยพัฒนาและแข็งแรงขึ้น ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน 1) เชื่อมโยงโอกาสทุกภาคส่วน 2) พัฒนานวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนไว้วางใจ และ 3) ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการเงินเพื่อคนไทย” นายภากรกล่าว

โดยการเชื่อมโยงโอกาสทุกภาคส่วน จะมีการปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้เข้ากับสถานการณ์และบริบทของประเทศและของโลกมากขึ้น พัฒนาแหล่งระดมทุนสำหรับธุรกิจเพื่อสังคม เอสเอ็มอี และสตาร์ตอัพ ต่อยอดจาก LiVE Platform ไปสู่ LiVE Exchange
ซึ่งคาดว่าจะเปิดซื้อขายได้ภายในไตรมาส 1 นี้ 

พร้อมยกระดับคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน โดยการบ่มเพาะให้เป็น ESG Investment Stars สนับสนุนให้บริษัทขนาดกลางและเล็กนำแนวคิดด้าน ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงพัฒนาการลงทุนให้เข้าถึงได้ง่ายด้วยกระบวนการเปิดบัญชีที่มีประสิทธิภาพและง่ายขึ้น

นอกจากนี้ในเดือน ม.ค.นี้ ได้มีการเปิดตัว ETF ตัวใหม่ที่เป็นเมกะเทรนด์ โดยจะมีการเปิดขายหน่วยลงทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็น fractional product ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ซื้อขายได้ต้นไตรมาส 3 ของปีนี้ ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหลักทรัพย์ที่น่าสนใจในตลาดต่างประเทศโดยสามารถซื้อผ่านโบรกเกอร์องไทยได้ง่ายขึ้น 

ส่วนการพัฒนานวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนไว้วางใจ จะมีการขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อสอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ ทั้ง smart data ที่เป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้นและ smart process ซึ่งเป็นกระบวนการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น และยกระดับการบริหารจัดการผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุนแบบครบวงจรผ่านรูปแบบดิจิทัล พร้อมพัฒนา ESG data platform เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลสำหรับการลงทุนในหุ้นยั่งยืน

“เรายังเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ต้องมีการพัฒนาเพื่อเชื่อมต่อการซื้อขายจากสินทรัพย์ในปัจจุบันไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

ดังนั้นจึงมีการพัฒนาศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDX) ขึ้นมา โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ ที่อาจจะต้องใช้เวลาและยังตอบไม่ได้ว่า investment token ตัวแรกที่จะออกมาจะมีลักษณะอย่างไร และ back up ด้วยอะไร,”นายภากร กล่าว 

TDX จะเริ่มต้นซื้อขายด้วย Investment Token 

สำหรับ investment token คือสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าและบริการหรือสิทธิอื่นๆ นั่นเอง โดยยกตัวอย่างสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Investment Token คือ SiriHub Token ซึ่งเป็น Token แรกที่ได้ระดมทุนแบบในรูปแบบ ICO ไปเมื่อปีที่แล้ว และสินค้าถัดไปที่ศึกษาไว้คือ Utility Token 

ซึ่งการระดมทุนเหล่านี้ต้องทำผ่านตัวกลางที่เรียกว่า ICO Portal ซึ่งทำหน้าที่คล้ายที่ปรึกการลงทุน  ICO Portal จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการระดมทุนทั้งในตลาดแรกและนำ Token เข้าซื้อขายในตลาดรอง หรือ ซื้อขายในที่ TDX นั่นเอง 

ทั้งนี้ ตลท. จะไม่นำเหรียญคริปโทเคอเรนซีเข้ามาซื้อขายในตลาด TDX โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมุ่งส่งเสริมการระดมทุนที่ภาคธุรกิจและบริษัทจดทะเบียนสามารถต่อยอดทางธุรกิจและส่งเสริมการเติบโตในภาพรวมของประเทศได้ นายภากรกล่าว 
 
ทั้งนี้ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย หรือ TDX จะมีบริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด เป็นผู้ให้บริการและดูแลระบบ โดยที่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนสามารถใช้ระบบเซ็ทเทรด เป็นแพลตฟอร์มในการเขื่อมโยงการซื้อขายกับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ โดยเน้นความสะดวก ครบวงจรในต้นทุนที่ไม่สูง 

สำหรับกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายที่คาดว่าจะมาใช้บริการ TDX น่าจะเป็นนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ระดับกลาง และมีความเชื่อการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงมากและต้องการสินค้าที่เก็งกำไร อาจจะไม่เหมาะกับแพลตฟอร์ม TDX นายภากรกล่าว 

นายภากร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมีความน่าเชื่อถือและมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง มีฐานนักลงทุน รวมทั้งระบบการซื้อขายที่มีความพร้อม เหลือเพียงการจัดตั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มใหม่ของ TDX เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมความพร้อมไประดับหนึ่งแล้ว

“เรามีความเชื่อว่า สินทรัพย์ดิจิตัลไม่ได้มาเพื่อ disruption สินค้าดั้งเดิมที่มีอยู่แล้วในตลาดหุ้น แต่สินทรัพย์ดิจิตัลจะมาเสริมซึ่งกันและกัน และเมื่อเวลาผ่านไป สินทรัพย์ใดที่เติบโตเป็นที่ต้องการเราก็จะสามารถปรับไปในแนวทางที่ตลาดและนักลงทุนต้องการได้” นายภากรกล่าว 

การจัดเก็บด้านภาษีซื้อขายหุ้นและสินทรัพย์ดิจิตัลนั้น ในเบื้องต้นก็อาจจะกระทบต่อนักลงทุนนักต่างประเทศที่ใช้โปรแกรมเทรดบ้าง ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้ส่งข้อมูลให้กับทางกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรพิจารณา และหากมีการจัดเก็บก็ขอเพียงให้จัดเก็บในอัจราที่เหมาะสมและให้ตลาดหุ้นไทยสามารถแข่งขันในภูมิภาคได้ 

ตลาดหลักทรัพย์ฯส่งเสริม ESG 

ส่วนด้านการส่งเสริมความยั่งยืนด้านการเงินเพื่อคนไทย จะส่งเสริมการศึกษาด้าน ESG โดยเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รวมทั้งองค์กรต่าง ๆ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ

เพื่อเผยแพร่หลักสูตรที่เป็นมาตรฐานด้าน ESG ส่งเสริมทักษะทางการเงินให้เป็นส่วนหนึ่งในทักษะชีวิตของคนไทย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ รวมถึงเพิ่มศักยภาพธุรกิจเพื่อสังคม และสนับสนุนธรรมาภิบาลด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของตลาดทุนไทย

“จากแผนงานทั้งหมดนี้ หากเป็นไปได้จริงตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมุ่งหวัง ก็จะช่วยให้มีบริษัททั้งจากระดับภูมิภาค ระดับโลก บริษัทขนาดกลาง-เล็ก และสตาร์ตอัพ หรือบริษัทที่มีประสิทธิภาพในธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาระดมทุนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตจะมีสินทรัพย์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้หวังว่าแผนงานจะช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของสังคมการออมของคนไทย พร้อมยกระดับ ESG และธรรมาภิบาล” นายภากรกล่าว

ติดต่อโฆษณา!