ส่อง 10 หุ้นคาดจ่ายปันผลสูงปี 65 กูรูชี้แนะ..เลือกหุ้นลงทุนแบบไหนกำไรงาม
Highlight
ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนจนนักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลต่อพอร์ตลงทุน ก็จะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ด้วยการมองหาหุ้นที่ลงทุนแล้วมีความปลอดภัย โดยหุ้นประเภทนี้ คือ หุ้นปันผล โดยช่วง 4 เดือนแรกของปี เป็นช่วงเทศกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นั่นหมายความว่า จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลด้วย จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยสะสมหุ้นปันผล บริษัทหลักทรัพย์กสิกร แนะนำ 10 หุ้นปันผลสูง ได้แก่ JASIF, ABPIF,TPIPP เป็นต้น
การหา “หุ้นปันผลสูง” เป็นสิ่งที่นักลงทุนหลายคนค้นหา หุ้นแบบไหนที่จะจ่ายปันผลสูง โดยเฉพาะคนที่อยากถือหุ้นลงทุนยาวๆ สร้างกระแสเงินสดกลับมาสม่ำเสมอ ยิ่งช่วงตลาดผันผวน เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ หุ้นกลุ่มนี้ยิ่งดูน่าสนใจ มีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมากทีเดียวหากอยากซื้อหุ้นปันผล นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น... ธุรกิจดี มีการเติบโต มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องสม่ำเสมอ ที่สำคัญ คือ จ่ายปันผลสม่ำเสมอ
มีความผันผวนจนนักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลต่อพอร์ตลงทุน ก็จะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ด้วยการมองหาหุ้นที่ลงทุนแล้วมีความปลอดภัย โดยหุ้นประเภทนี้ คือ หุ้นปันผลโดยช่วง 4 เดือนแรกของปี เป็นช่วงเทศกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นั่นหมายความว่า จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลด้วย จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยสะสมหุ้นปันผล
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเซียพลัส ระบุว่า กลยุทธ์ในการเข้าซื้อหุ้นปันผลที่ดี คือ การเข้าซื้อก่อนหุ้นจะขึ้นเครื่องหมาย XD (ไม่ได้รับเงินปันผล) ราว 2 เดือน และตัดขายหุ้นออกไป ก่อนที่หุ้นจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่กี่วัน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการเข้าเก็งกำไรหุ้นปันผล
จากการรวบรวมสถิติพบว่า ซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลปีละครั้งล่วงหน้า 2 เดือน ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD จะได้รับผลตอบแทนสูงสุด คือ 11.66% (ราคาหุ้น+เงินปันผล) แต่หากซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลปีละครั้งล่วงหน้า 1 เดือนครึ่ง ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ผลตอบแทนจะลดลงเหลือ 9.43% และถ้าปล่อยให้เวลาเหลือแค่ 1 เดือน ผลตอบแทนสูงสุดที่จะได้รับจะลดลงเหลือ 6.37% และหากปล่อยเวลาให้เหลือเพียง 1 และ 2 สัปดาห์ก่อน XD จะได้รับผลตอบแทนสูงสุดเพียง 0.5% และ 2.31% ตามลำดับ
ด้านหุ้นปันผลที่จ่ายปีละ 2 ครั้ง หากซื้อหุ้นดังกล่าวก่อนขึ้น XD ราว 2 เดือน จะได้รับผลตอบแทนสูงสุด ที่ระดับ 7.81% ส่วนซื้อก่อน 1 เดือน - 2 สัปดาห์ และ 1 สัปดาห์ ผลตอบแทนสูงสุดของจะเหลือเพียง 4.29% 2.25% และ 0.86% ตามลำดับ
นายปิยะภัทร ภัทรภูวดล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การเข้าเก็งกำไรในหุ้นปันผลที่ดี ควรเข้าซื้อหุ้นก่อนประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 1 - 2 เดือน แต่ไม่ควรเข้าซื้อในช่วงสั้นไม่กี่วัน ก่อนประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD เพราะจะทำให้นักลงทุน ได้รับผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก
ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า โดยปกติของการเข้าเก็งกำไรหุ้นปันผล มักมีการเข้าซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 1 - 2 เดือน และขายออกไป ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่กี่วัน แต่แนะนำ มองหาหุ้นที่มีความสามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต จากนั้นจึงถือลงทุนระยะยาว จะทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการเข้าเก็งกำไรในระยะสั้น
ด้าน บล.กสิกร วิเคราะห์หุ้นที่คาดว่ามีศัยกภาพจ่ายปันผลได้สูงในปี 2565 ในลำดับต้นๆ ส่วนใหญ่ เป็นกองทุนสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ให้ปันผลสูงกว่า 9% เลยทีเดียว
การหา “หุ้นปันผลสูง” จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนหลายคนชื่นชอบ โดยเฉพาะคนที่อยากถือหุ้นลงทุนยาวๆ สร้างกระแสเงินสดกลับมาสม่ำเสมอ ยิ่งในช่วงที่ตลาดผันผวน เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ หุ้นกลุ่มนี้ยิ่งดูน่าสนใจ มีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นปันผลได้ด้วยตัวเอง โดยการศึกษาเทคนิคการลงทุน และคำแนะนำจากกูรูด้านการลงทุน หรือคำแนะนำจาก SET Invest Now ซึ่งอาจจะค้นพบหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาว ที่สร้างผลตอบแทนให้พอร์ตลงทุนเราสวยงามอีกด้วย
เทคนิคการเลือกหุ้นปันผล
การจะเลือกหุ้นปันผลสักตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญหลายอย่าง บริษัทมีฐานะการเงินอย่างไร กระแสเงินสดดีแค่ไหน มีสภาพคล่องมากไหม และปันผลสม่ำเสมอรึเปล่า เอาเป็นว่า... ใครอยากรู้และอยากได้หุ้นปันผลมาครอบครอง เราลองมาดูเทคนิคการเลือกหุ้นปันผลกันดีกว่า
เป็นธุรกิจที่ดีมีการเติบโต
หัวใจสำคัญของหุ้นปันผล คือ ต้องเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของกิจการ เราต้องพิจารณา “ความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจ” โดยเลือกหุ้นที่มีจุดแข็งในการแข่งขันกับคู่แข่ง ยิ่งเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งขันน้อยรายหรือหน้าใหม่เข้ามาในธุรกิจได้ยาก ก็ยิ่งดี รวมไปถึงพิจารณา “อนาคตการเติบโตของกิจการ” โดยเลือกธุรกิจที่มีแนวโน้มไปต่อได้และยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว
มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง
- โครงสร้างหนี้เหมาะสม การที่บริษัทจะจ่ายปันผลได้ต้องมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถดูได้จากโครงสร้างหนี้ว่ามี “หนี้สินต่อทุน” (D/E Ratio) มากเกินไปหรือไม่ และหนี้สินที่มีอยู่เป็นหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาว เพราะหากมีหนี้ระยะสั้นจำนวนมาก บริษัทอาจต้องใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อจ่ายหนี้ในเวลาอันใกล้ อาจทำให้ความพร้อมที่จะปันผลน้อยลง
- กำไรสะสมเป็นบวก นอกจากดูโครงสร้างหนี้แล้ว เรายังสามารถดูจาก “กำไรสะสม” โดยปกติบริษัทจดทะเบียนจะนำกำไรส่วนที่เหลือจากการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมาเก็บเป็นกำไรสะสม หากบริษัทไหนยังขาดทุนสะสมอยู่ แม้จะมีกำไรสุทธิระหว่างงวด แต่บริษัทอาจพิจารณานำกำไรเหล่านั้นไปชดเชยในส่วนที่ยังขาดทุนสะสมอยู่ ทำให้ผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับเงินปันผลก็ได้
- กระแสเงินสดเป็นบวก การดูกระแสเงินสดของบริษัทก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะงบส่วนนี้แสดงถึงสภาพคล่องในการดำเนินงาน หากงบส่วนนี้ติดลบก็จะส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผลเช่นเดียวกัน ดังนั้น ก่อนเลือกหุ้นปันผลต้องดูข้อมูลทางการเงินของบริษัทนั้นๆ อย่างถี่ถ้วน
มีสภาพคล่องในการซื้อขาย
หุ้นปันผลที่ดีนอกจากจะมีฐานะการเงินแข็งแกร่งแล้วต้องมี “สภาพคล่อง” สูงด้วย เพราะต่อให้เป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี แต่มีสภาพคล่องน้อย การซื้อขายแต่ละครั้งอาจทำได้ยากและต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ควรเลือกหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่พอสมควร เช่น หุ้นในกลุ่ม SET50 หรือหุ้นในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index
จ่ายปันผลสม่ำเสมอ
เราควรประเมินแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เพื่อประเมินว่าบริษัทจะสามารถจ่ายปันผลได้หรือไม่ และยังต้องพิจารณาอีกว่าเงินปันผลที่นำมาจ่ายนั้นมาจากการดำเนินงานไม่ใช่ “กำไรพิเศษ” ที่อาจเกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งอาจส่งผลต่อความสม่ำเสมอของการจ่ายปันผลได้ และนึกอยู่เสมอว่าการจ่ายปันผลในอดีตไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดได้ทั้งหมด
โดยทั่วไปเราจะดูความสม่ำเสมอในการจ่ายปันผลจาก “อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน” (Dividend Yield) ซึ่งอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะอยู่ที่ประมาณ 3% ดังนั้น หุ้นปันผลที่เราควรลงทุน อาจต้องให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยและเมื่อรวมกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 1-2% ต่อปี เท่ากับว่า... อัตราเงินปันผลตอบแทนที่เราควรได้จากหุ้นปันผลควรมากกว่า 4-5% ต่อปี
หุ้นปันผลเหมาะกับใครบ้าง?
หุ้นแต่ละสไตล์จะเหมาะกับนักลงทุนแต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป สำหรับหุ้นปันผลจะเหมาะกับ นักลงทุนระยะยาว เนื่องจากหุ้นที่พื้นฐานธุรกิจดีมีอนาคตเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงควรมีช่วงระยะเวลาเพียงพอที่จะรอให้กิจการเติบโต และรอเก็บผลตอบแทนจากเงินปันผลในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่อง เนื่องจากเงินปันผลที่นักลงทุนได้รับจะช่วยสร้างสภาพคล่องระหว่างการถือหุ้นของนักลงทุนด้วย หากใครที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอเป็นเงินสดทุกๆ ปี ในรูปแบบ Passive Income หุ้นปันผลถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับหุ้นปันผล
นอกจากเรื่องที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ยังมีเรื่องสำคัญที่นักลงทุนมือใหม่จะต้องทำความเข้าใจ ได้แก่ เครื่องหมายเกี่ยวกับการรับปันผล และดัชนีที่เกี่ยวข้องกับหุ้นปันผล
- เครื่องหมาย XD นักลงทุนหลายคนอาจสับสนว่าซื้อหุ้นตอนไหนถึงจะได้รับปันผล ต้องบอกว่าโดยปกติตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD (Excluding Dividend) เพื่อแสดงให้นักลงทุนทราบว่า... หากเราซื้อหุ้นในวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD แปลว่าเราจะไม่มีสิทธิรับปันผลในงวดนั้นๆ ดังนั้น หากต้องการได้รับปันผล ก็ควรซื้อก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD
ติดตามปฏิทินการขึ้นเครื่องหมายของบริษัทต่างๆ
- ดัชนี SETHD เป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น 30 ตัวที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง สภาพคล่องการซื้อขายอยู่ในเกณฑ์ดี มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเหล่านี้มักจะมีนโยบายจ่ายเงินปันผลมากกว่า 85% ของกำไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยรายชื่อหุ้นที่ใช้ในการคำนวณดัชนีจะมีการทบทวนและปรับเปลี่ยนทุก 6 เดือน เพื่อให้ดัชนีสะท้อนสถานการณ์การลงทุนที่เกิดขึ้น
ติดตามรายชื่อบริษัทในดัชนี SETHD
เมื่อได้หุ้นปันผลที่ดีแล้ว การเข้าลงทุนในจังหวะในที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ หากเราเข้าลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นปรับลง และเน้นการลงทุนระยะยาว จะทำให้ต้นทุนราคาหุ้นของเราอยู่ในระดับต่ำและมีโอกาสได้รับเงินปันผลสูง อย่าลืม!!! ประเมินสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจส่งกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทด้วย เพราะอาจมีผลต่อการจ่ายปันผลโดยตรง
เพียงเท่านี้... เราก็จะมีหุ้นปันผลดีๆ ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดกลับเข้ากระเป๋าเราอย่างสม่ำเสมอได้ยาวๆ แล้ว
ข้อมูลอ้างอิง : Kasikorn Securities, SET Invest Now