เลือกลงทุนหุ้นอะไรดี เมื่อเงินนอกไหลเข้า ดัน SET Index ยืนเหนือ 1,700 จุด สูงสุดในรอบ 2 ปี
Highlight
ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) พุ่งทะลุ 1,700 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี และสามารถยืนเหนือ 1,700 จุดได้ตลอดการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.พ.) เนื่องพลังหนุนจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าซื้อหุ้นไทยอย่างอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ภาวะการติดเชื้อโควิดในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยโควิดจะผ่อนคลายได้ในไม่ช้า แต่หุ้นไทยน่าสนใจ และเชื่อว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตต่อเนื่อง เป้าหมายหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติสนใจเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง เช่น กลุ่มธนาคาร พลังงาน สื่อสาร
บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ระบุว่าเมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 3 ในรอบ 30 ปีหรือตั้งแต่ทางตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยข้อมูล หนุนให้ยอดซื้อสุทธิหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ถึงปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 4.37 หมื่นล้านบาท สูงสุดในภูมิภาค โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่ามี 4 เหตุผลที่ทำให้ Fund Flow ต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อในปี 2565
ทั้งนี้ 4 เหตุผลดังกล่าว ประกอบด้วย
1. ต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำ และ MSCI มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในปี 2565 นี้ โดยปัจจุบันต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรงเพียง 21% ยังต่ำกว่าในอดีตที่เคยอยู่ที่ระดับสูงถึง 29% ในปี 2556 ดังนั้นยังมีช่องว่างให้ Fund Flow ไหลเข้า รวมถึง Downside ในการขายค่อนข้างจำกัด อีกทั้ง MSCI มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในปี 2565 นี้ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวข้นมาแล้วกว่า 7% สูงกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วที่ขึ้นมา 1% หนุนสัดส่วน Market Cap. Weight ที่ MSCI ใช้ในการคำนวณดัชนีเพิ่มขึ้น
2. โครงสร้างตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะหุ้น Value ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจในตอนนี้โดยตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนหุ้น Commodity และหุ้นฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศราว 2 ใน 3 ของมูลค่าตลาด
3. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่โดดเด่นกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังมีช่องว่างในการฟื้นไปเท่ากับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ราว 5% หนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโต 11% สูงกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วเติบโตราว 6%
4. สภาพคล่องส่วนเกินยังคอยหล่อเลี้ยงหุ้นไทยในปี 2565 นี้เนื่องจาก กนง.ยังมีโอกาสคงดอกเบี้ยนโยบายไทยต่อไปถึงสิ้นปี 2565 ช่วยหนุนให้สภาพคล่องส่วนเกินยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้น แตกต่างกับทางสหรัฐที่สภาพคล่องส่วนเกิน ที่เคยหนุนตลาดหุ้นจะทยอยลดลง เนื่องจากมีโอกาสเห็นการขึ้นดอกเบี้ย 4 - 5 ครั้งในปีนี้
นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติจะมีส่วนสำคัญในการชี้นำตลาดหุ้นไทยมากขึ้น สะท้อนได้จากสัดส่วนการซื้อขายเฉลี่ยหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาตินับตั้งแต่ต้นปี 2565 นี้อยู่ที่ 42.3% พลิกกลับมาสูงสุดเมื่อเทียบกับนักลงทุนรายอื่นๆ และยังสูงสุดเมื่อเทียบกับสัดส่วนการซื้อขายในอดีตมาก
ในทางตรงกันข้ามภาพของการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันฯ ในประเทศ ถือว่ามีน้ำหนักต่อตลาดน้อยลงทั้งในปี 2564 และต่อเนื่องมาในปี 2565 นี้ เนื่องจากเหลือสัดส่วนการซื้อขายเพียง 7.0% และ 8.0% ตามลำดับ แตกต่างกับในอดีตที่สูงกว่า 10%
ทั้งนี้ แรงซื้อต่างชาติที่เข้ามาโดดเด่นต่อเนื่อง หนุน SET Index Outperform เป็นพิเศษ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันมา 8 วันทำการ กว่า 3.1% หรือ 50 จุด จาก 1634 จุด ขึ้นมาอยู่ที่ 1,684 จุด แต่เมื่อเทียบกับสถิติในอดีตย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SET จะบวกได้ติดต่อกันตั้งแต่ 8 วัน ขึ้นไป มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากเพียง 0.7% เท่านั้น และถ้าจะบวกต่อไปจนถึง 12 วัน ในอดีตมีโอกาสให้ผลตอบแทนในช่วง -0.7% ถึง +1.2%
บล.เอเชียพลัส แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นใหญ่พื้นฐานดี ราคา Laggard เกาะกระแส Fund Flow อย่าง BH, MAKRO และ TOP เป็น Toppick
ทางด้าน บล. กรุงศรี มองว่า SET Index พุ่งแรง 19 จุดเมื่อวานนี้ จาก Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าหนุนหุ้น Big Cap ปรับขึ้นโดดเด่นโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารซึ่งได้ Sentiment บวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐท่ีพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และในวันนี้ดัชนีก็ยังยืนต่อได้ และมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น
แนวโน้มตลาดหุ้นยังคงประเมินว่า SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,710 -1,720 จุด ตามแรงหนุน Fund flow ต่างชาติที่ไหลเข้าหลัง US bond yield 10 ปี ชะลอตัวลง, แรงซื้อดักงบการเงินและเงินปันผลปี 2564 รวมถึง ศบค.เตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตามอาจมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนประกาศ CPI สหรัฐเดือนม.ค.ในวันนี้ รวมถึงภาวะ Overbought ทางเทคนิค ซึ่งจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง
กลยุทธ์การลงทุน: Selective buy กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น BBL KBANK KTB SCB BLA THREL
ศบค. เตรียมผ่อนคลายมาตรการ Covid-19 เพิ่มเติมหุ้นที่เกี่ยวกับกลุ่มท่องเที่ยวได้ประโยชน์ เข่น AOT MINT CENTEL ERW AAV HMPRO CPALL CPN CRC
หุ้น PSL ได้ Sentiment บวกดัชนีค่าระวางเรือบวกแรง ล่าสุด BDI พุ่งแตะระดับ 1,711 เพิ่มขึ้น 208 จุด หรือ +13.84% และคาดว่า ดัชนีค่าระวางเรือจะยังฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะหลังช่วงการแข่งกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาวหรือตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นไป
หุ้นงบการเงินที่น่าจะประกาศผลประกอบการ Q4/21F เติบโตสูง ได้แก่ IVL TOP SPRC GULF BANPU TU CPF SPALI ORI WHA AMATA HMPRO CPN CRC BLA JMT SINGER JMART WICE NER ITEL XO ASK UBE FORTH TH SNNP
บล.เคทีบีเอสที ประเมินดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นต่อ จากเงินลงทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นทั่วโลก (Liquidity Driven) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงซื้อกลับทั้งหุ้นที่เป็น Value และ Growth บ่งชี้ว่ามีความกังวลลดลง นักลงทุนมีการโยกสินทรัพย์เข้าสู่ตลาดเอเชียต่อเนื่อง
โดยตัวเลขการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศใน 6 ตลาดหลักของเอเซีย พลิกมาเป็น net buy วันแรกที่ $660 ล้านเหรียญ ตลาดหุ้นไทยยังเป็นตัวเลือกในการเข้าลงทุนที่ดี จากปัจจัยในประเทศเป็นตัวช่วยหนุน (กำไรตลาด+ปันผล+เศรษฐกิจ) ทำให้ดัชนีสามารถไปต่อได้ เป้าหมายแรก 1720 จุด
ทั้งนี้ เป้าหมายดัชนีฯ สั้นๆ มองไว้ที่ 1720 จุด แต่คงต้องดู Flow และตลาดหุ้นสหรัฐฯประกอบไปด้วย รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯคืนนี้ ว่าจะทำให้นักลงทุนกังวลใจหรือไม่
หุ้นไทยวันนี้ ยังให้น้ำหนักกับหุ้นที่จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศ หุ้นได้ประโยชน์ทางตรง จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ โดยสัปดาห์นี้ หุ้นที่พบว่านักลงทุนกลุ่มนี้เข้าซื้อมากที่สุด คือ KBANK, PTTEP, BBL, PTT, SCB, TU, TIDLOR, GPSC, TOP, TRUE
พอร์ตหุ้นวันนี้ KTBST นำ ATP30 และ ESSO ออก และเพิ่มหุ้น GULF, THCOM เข้ามาแทนพอร์ตหุ้นประกอบด้วย GULF(15%), THCOM (10%), SCGP(15%), TU(10%), PTT(15%), MINT(10%), BBL(15%)