23 กุมภาพันธ์ 2565
2,083

สงครามก็จะเกิด โควิดนิวไฮ ลงทุนอะไรดี

สงครามก็จะเกิด โควิดนิวไฮ ลงทุนอะไรดี

สืบเนื่องจากความกังวลในสถานการณ์ตึงเครียดระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความกังวลและเกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา อย่างไรก็ดีในสภาวะที่ตลาดเกิดความผันผวน “ทองคำ” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหลบหลุมภัยที่นักลงทุนวิ่งเข้าหา  รวมทั้ง น้ำมัน ถ่านหิน ราคาวิ่งขึ้นตามสถานการณ์ ในขณะที่โควิดในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 คน หุ้นโรงพยาบาลกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง


ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคา 1,813.55-1,831.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และราคามีโอกาสที่จะปรับตัวได้สูงขึ้นไปอีกหากว่ายังไม่มีความชัดเจนในการเจรจาระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน

ทองคำหลุมหลบภัยที่ดี 

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำแต่อาจจะมีความกังวลในเรื่องการเก็บรักษาทองคำ เนื่องจากต้องใช้พื้นที่ที่มีความปลอดภัยสูงในการเก็บรักษา (อาจจะกลัวโดนขโมย) และไม่ต้องการจะลงทุนในทองคำกระดาษ (Derivative Gold) อาจพิจารณาลงทุนผ่าน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็น ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 

ณ ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) อยู่ที่ USD173.89 และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ประมาณ 61.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (เมื่อ 14/02/2022) โดย SPDR Gold Trust ถือเป็น ETF กองเดียวที่มี Psychical Gold Back Up มากกว่า 99% (ทองคำแท่งจะถูกเก็บรักษาที่ธนาคาร HSBC ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้นักลงทุนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเพิ่มเติม) 

โดยราคา SPDR Gold Trust ปรับตัวสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ USD178.85 และมีราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ USD157.13 โดยมีราคาปิดอยู่ที่ USD174.74 (As of 14/02/2022)

บริษัทหลักทรัพย์กสิกร กล่าวว่านักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมของ K-GOLD (กองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน SPDR Gold Trust) ได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีในการลงทุนในกองทุนรวมคือมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่หากนักลงทุนซื้อ ETF โดยตรง จะต้องรับความเสี่ยงจาก Exposure FX และความผันผวนของราคาทองคำ 

ประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตามอง

  • ความตึงเครียดระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ว่าจะสามารถยุติได้ในเร็ววันหรือว่ายืดเยื้อ

  • การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหากมีการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์เพื่อลดความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อ อาจกดดันราคาทองให้มีการปรับตัวลดลง (แต่หาก FED ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ เท่าที่ทราบกันทองคำมักชอบเงินเฟ้อ แต่ไม่ชอบอัตราดอกเบี้ย)

  • ทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation) เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับหุ้น

  • ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนใช้ในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ (Inflation Hedging) ซึ่งปัจจุบันตลาดยังคงมีความกังวลต่อการสถาณการณ์เงินเฟ้อ ซึ่งยังไม่มีใครทราบชัดเจนว่าภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวหรือไม่
     

YLG คาดราคาทองคำไปต่อ เนื่องจากSPDR เก็บเข้าพอร์ตต่อเนื่อง ระยะสั้นลุ้น 1,916-1,932 ต่อออนซ์ ส่วนแนวรับมองที่ 1,878-1,863 แนะนักลงทุนควรมีทองคำในพอร์ต 5-15% 

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าในสัปดาห์นี้ราคาทองคำได้เคลื่อนไหวในแดนบวกทดสอบ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  

เนื่องจากด้านปัจจัยพื้นฐานยังถือว่าแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกองทุน SPDR ที่เข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง นับจากต้นปี 2565 กองทุน SPDR ได้ซื้อทองคำเพิ่มทั้งหมดรวม 48.43 ตัน ส่งผลให้ถือครองทองคำทั้งสิ้น 1,204.09 ตัน 

โดยมองว่าสาเหตุที่ปีนี้กองทุน SPDR กลับมาถือครองทองคำเพิ่มนั้นมาจากปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแม้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ  แต่เงินเฟ้อก็น่าจะยังอยู่เหนือเป้าหมายของเฟดตลอดทั้งปีนี้

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้นักลงทุนอื่นๆเข้ามาถือครองทองคำในช่วงนี้ คือ ปัจจัยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและรัสเซียจากข้อพิพาทยูเครน ที่ทั่วโลกเริ่มจับตามองอย่างใกล้ชิด  

หลังจากประธานาธิบดีปูติน ได้ลงนามรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ซึ่งเป็น 2 แคว้นกบฎในยูเครนตะวันออก   

พร้อมกับสั่งการให้กองกำลังทหารรัสเซียเข้าประจำการในพื้นที่ดังกล่าว   ทำให้ชาติตะวันตกเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย  ความเคลื่อนไหวนื้เองทำให้สถานการณ์ในยูเครนกลับมาตึงเครียดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนั่นทำให้นักลงทุนเริ่มเทขายสินทรัพย์เสี่ยง   แล้วกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง  

แม้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐและรัสเซียเตรียมจะจัดการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในวิกฤติยูเครนในเร็วๆนี้ แต่ความไม่แน่นอนของความขัดแย้งดังกล่าวยังส่งผลด้านจิตวิทยาแก่นักลงทุนอยู่ค่อนข้างมาก

แต่แนะนำว่า นักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้ควรแบ่งทองคำออกขายบางส่วนเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต  เนื่องจากในทางเทคนิคราคาทองคำในรายวัน(Daily)อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป มากสุดในรอบเกือบ  9 เดือน  แล้วรอจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงจึงกลับเข้าซื้ออีกครั้ง สำหรับราคาทองคำในประเทศมองว่ามีโอกาสทดสอบ 29,350-29,450 บาท

20210223-a-01.jpg

ความตึงเครียดภาวะสงครามส่งผลให้ราคาน้ำมัน และถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้น 

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี กล่าวว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงอยู่ต่อไป แม้ตอนนี้ยังไม่เกิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอดเวลา 

ส่งผลให้ราคาน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง รวมทั้งราคาถ่านหิน ซึ่งต้องยอมรับว่า รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก 

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าการเจรจาสนธิสัญญานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านอาจจะจบลงได้ด้วยดี ทำให้ปัญหาด้านอุปทานลดลงได้  นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้น ในหุ้นที่ผลิตน้ำมันและถ่านหิน เช่น PTT   PTTEP   BANPU 

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะเป็นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เช่น หุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ (BH) 

บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS มองสงครามกลับมาตึงเครียด แนะสะสมหุ้นขนาดใหญ่ กำไรมั่นคงอย่าง CPALL MAKRO SCC โดยประเด็นเรื่อง ยูเครน-รัสเซีย เริ่มเห็นความรุแรงเกิดขึ้น และกลับมาสร้างความกังวลกับตลาดหุ้นอีกครั้ง

โดยเฉพาะตลาดหุ้นรัสเซียที่วานนี้ปรับตัวลงถึง 10.6% และหากพิจารณาตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. (mtd) ตลาดหุ้นในโซนพัฒนาแล้วปรับตัวลง -2.7% ถึง-14% ขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งกำลังพัฒนาแข้งแรงกว่า โดยยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกซะส่วนใหญ่ 

ส่วนตลาดหุ้นไทย ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส คาดจะเห็นการปรับฐานโดยมี Downside จำกัดเพราะผลกระทบในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจต่อรัสเซียมีไม่มาก โดยไทยมีการค้ากับรัสเซียสัดส่วนเพียง 0.4% เท่านั้น 

สัดส่วนนักท่องเที่ยว 3.7% อีกทั้งยังมี Fund Flowต่างชาติที่คอยพยุงตลาดหุ้นไทย โดยต่างชาติซื้อหุ้นไทยวานนี้ 1.4 พันล้านบาทและซื้อสะสมหุ้นไทยตลอดเดือน ก.พ. 65 สูงถึง 5.6 หมื่นล้านบาท (mtd) สูงสุดเป็นอันดับ 2 ตั้งแต่ตลาดฯเก็บข้อมูลมา 30 ปี ช่วยพยุงตลาดอยู่

ดังนั้น แม้ SET Index จะมีโอกาสปรับฐานต่อ แต่ประเด็นต่างๆ เชื่อว่าเข้ามาสู่ช่วงท้ายของเหตุการณ์ ทั้งประเด็นโควิดในประเทศและประเด็นรัสเซีย โดยประเมินกรอบแนวรับบริเวณ 1663– 1680 จุด (เป็นแนวรับแนวเดียวกับความกังวลสงครามรัสเซียในช่วงที่ผ่านมา)ส่วนแนวต้านแรกอยู่ที่ 1700 จุด กลยุทธ์แนะนำหุ้นใหญ่เป้าหมาย Fund Flow กำไรฟื้นมั่นคง อย่าง SCC CPALL และ MAKRO เป็น top pick ในวันนี้

อ้างอิง :  Bloomberg, CFRA, Kasikorn Offshore Investment, YLG, บล.กรุงศรี, บล.เอเชียพลัส

ติดต่อโฆษณา!