รัสเซียเปิดโต๊ะเจรจา หุ้นไทยเริ่มฟื้น ราคาน้ำมันหนุน
Highlight
ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าพุ่งกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ นักวิเคราะห์คาดไทยมีผลกระทบน้อย เพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรง ขณะที่สถานการณ์มีพัฒนาการเชิงบวกจากการที่ทั้งสองฝ่ายเปิดโต๊ะเจรจากัน ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้น 50 บาท ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังสูงในระดับ 95-97 เหรียญต่อบาร์เรล จับตา ราคาทองคำ น้ำมันตัวบ่งชี้สถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน กลุ่ม Domestic Play เช่น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด
การเจรจาโดยตรงระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครนเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศได้เริ่มขึ้นแล้ว การเจรจามีขึ้นที่ภูมิภาคโกเมลของเบลารุส ซึ่งอยู่ที่บริเวณชายแดนเบลารุสและยูเครน ใกล้กับแม่น้ำปรีเปียต
ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนแถลงก่อนหน้านี้ว่า สาระสำคัญในการเจรจาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำข้อตกลงหยุดยิงโดยทันที และการถอนทหารรัสเซียออกจากยูเครน แต่การเจรจายัง ไม่มีความคืบหน้า คาดว่าจะมีการเจรจาในรอบใหม่อีก
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นไปจากที่ก่อนหน้าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนกดดันอยู่ แต่ขณะนี้สถานการณ์มีพัฒนาเชิงบวกหลังจากทั้ง 2 ประเทศเปิดเจรจากันรอบแรก ช่วยหนุนตลาดหุ้น ประกอบกับ ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 4/64 เติบโตเฉลี่ย 50% จากปีก่อนเป็นแรงหนุนด้วย ให้แนวต้านที่ 1,700 จุด แนวรับที่ 1,670 จุด
บิทคอยน์ฟื้น คาดรัสเซียหันมาใช้คริปโตหลังถูกแทรกแซงการเงิน
ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 43,000 ดอลลาร์ช่วงเช้านี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จะมีการใช้สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้น หลังจากสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อธนาคารกลางของรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีรัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
นายเทิดศักดิ์กล่าวว่า ภาวะการลงทุนยังมีความผันผวนสูงในระยะนี้ โดยปัจจัยหลักอยู่ที่พัฒนาการของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนว่าจะผ่อนคลายลงบ้างหรือไม่ โดยวานนี้แม้การเจรจานัดแรกจะยังไร้ข้อสรุป แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นบ้าง ขณะที่ฝั่งชาติตะวันตกทั้ง อียู และสหรัฐ ยังคงมีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่เข้มข้น เพื่อกดดันให้ถอนทหารออกจากยูเครนทันที ทำให้เศรษฐกิจรัสเซียถูกกระทบอย่างหนักและค่าเงินรูเบิลอ่อนค่ากว่า 30%
รอดูสถานการณ์การเจรจา พักเงินตลาดบอนด์ ทองคำ น้ำมัน
บล. เอเชีย พลัส ประเมินว่าระยะสั้นเม็ดเงินยังไหลเข้าไปพักที่พันธบัตร ทองคำและน้ำมันเพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ และอาเซียนคาดมีผลกระทบน้อยกว่ายุโรปและมองเป็นอีก Save Haven ในระยะนี้หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายถึงขั้นเป็นสงครามในวงกว้าง ยังมองหุ้น Value และ Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่ม Commodity ต้นน้ำ ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด
ด้านบล.เคทีบีเอสที ประเมินว่า สถานการณ์ยูเครนตึงเครียดน้อยลง โดยนักลงทุนจับตาการเจรจาความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ในขณะที่ประเทศต่างๆ การเจรจารอบแรกน่าจะทำให้ตลาดลดความกังวล แต่การทำลายความมั่นคงทางการเงินของรัสเซีย น่าจะเป็นอาวุธหลักๆ ที่ถูกนำมาใช้ แต่ใช้ได้ไม่เต็มที่ เพราะยุโรป จะถูกกระทบตามไปด้วย ราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะเริ่มดีขึ้น แต่ราคาทองคำ น้ำมันจะเริ่มลดระดับลง
ราคาหุ้นไซเบอร์พุ่ง หลังคาดรัสเซียเตรียมโจมตีทางไซเบอร์
ราคาหุ้นบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมีความวิตกเพิ่มขึ้นว่ารัสเซียจะทำการโจมตีทางไซเบอร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ออกมาเตือนว่าจะตอบโต้ประเทศต่าง ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือยูเครน
รัฐบาลทั่วโลกไม่เว้นสิงคโปร์ ซึ่งเป็นชาติแรกในอาเซียนได้พากันคว่ำบาตรรัสเซียหลังจากใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยรัสเซียถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการทำสงครามไซเบอร์โดยมีรัฐบาลเป็นผู้หนุนหลัง ขณะที่ปธน.ปูตินเคยเตือนบรรดาประเทศที่คิดจะขัดขวางการทำสงครามของรัสเซียว่าอาจจะเจอกับ “ผลลัพธ์ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์”
เว็บไซต์มาร์เก็ตวอตช์ระบุว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่รัสเซียจะใช้วิธีการโจมตีทางไซเบอร์นั้น เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งรวมถึงหุ้น ETFMG Prime Cyber Security ETF และหุ้น Crowdstrike ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
ไบรอัน เครบส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กล่าวว่า รัสเซียอาจจะใช้สงครามไซเบอร์เป็นอาวุธตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ซึ่งจะส่งผลให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่นเดียวกับในปีที่แล้วที่เหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ได้สร้างความเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคพื้นฐานของสหรัฐ ซึ่งรัสเซียถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ก่อเหตุโดยมีรัฐบาลเป็นผู้หนุนหลัง
ทั้งนี้ บริษัทที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อป้องกันภัยโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซียนั้น ได้แก่ บริษัท Palo Alto Networks Inc., บริษัท Zscaler Inc., บริษัท CrowdStrike Holdings Inc., บริษัท Fortinet Inc., บริษัท Mandiant Inc. และบริษัท Palantir Technologies Inc.
สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่าง 2 ประเทศ กองทัพรัสเซียประกาศ “เส้นทางที่ปลอดภัย” สำหรับพลเรือนที่ต้องการเดินทางออกจากกรุงเคียฟของยูเครน
พลตรีอิกอร์ โคนาเชนกอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า
“พลเรือนที่อยู่ในกรุงเคียฟสามารถเดินทางออกจากเมืองหลวงของยูเครนได้ โดยใช้ทางหลวงเคียฟ-วาซิลกอฟ เส้นทางนี้ยังคงเปิดอยู่และมีความปลอดภัย”
EU ตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT
อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยยูเครน ระบุว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วถึง 352 ราย รวมถึงผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็ก 14 ราย โดยยูเครนได้ตำหนิกองกำลังรัสเซียที่โจมตีอาคารของพลเรือน ซึ่งรวมถึงอาคารที่พักและโรงเรียน
เมื่อ 27 ก.พ.สหรัฐพร้อมด้วยชาติพันธมิตรแห่งโลกตะวันตก เห็นพ้องกันที่จะตัดธนาคารรัสเซียบางแห่งออกจากระบบ SWIFT ซึ่งเป็นตัวกลางสำหรับการโอนเงินข้ามประเทศ ซึ่งจะทำให้รัสเซียได้รับผลกระทบทางการเงินอย่างหนัก
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ชาติพันธมิตรตะวันตก ได้แก่ คณะกรรมาธิการยุโรป (EU) ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สหราชอาณาจักร แคนาดา และสหรัฐ ร่วมกันออกแถลงการณ์ว่า “การดำเนินการเหล่านี้จะเป็นการสร้างหลักประกันว่า ธนาคารรัสเซียจะถูกตัดออกจากระบบการเงินสากล ส่งผลให้ไม่สามารถทำธุรกรรมในระดับโลกได้”
การตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT หรือ สมาคมโทรคมนาคมทางการเงินโลก จะทำให้ธนาคารในรัสเซียไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารของประเทศอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย โดยก่อนหน้านี้ในปี 2557 อิหร่านเคยถูกตัดออกจากระบบ SWIFT มาแล้ว หลังจากที่เดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์
นอกจากนี้ สหรัฐและชาติพันธมิตรยังประกาศด้วยว่า พวกเขาจะกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารกลางรัสเซียนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปใช้ในลักษณะที่อาจบ่อนทำลายการคว่ำบาตร
EU ส่งอาวุธให้ยูเครน
สหภาพยุโรป (EU) ประกาศดำเนินการรอบใหม่เพื่อตอบโต้กรณีรัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งรวมถึงการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ EU ใช้มาตรการดังกล่าว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีเปิดเผยถ้อยคำของนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ว่า EU จะออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มด้วยการสั่งห้ามเครื่องบินรัสเซียบินเข้าดินแดน EU หลังเพิ่งประกาศมาตรการคว่ำบาตรไปในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้
นางฟอน เดอร์ เลเยนระบุว่า EU จะคว่ำบาตรสื่อของรัฐบาลรัสเซียเช่น “รัสเซีย ทูเดย์” และ “สปุตนิก” ออกจากเครือข่ายการแพร่ภาพออกอากาศข่าวสารของ EU พร้อมกับกล่าวว่า “เรากำลังหาหนทางคว่ำบาตรการบิดเบือนข้อมูลที่เป็นพิษและเป็นภัยคุกคามในยุโรป”
นอกจากนี้ นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวด้วยว่า EU จะออกมาตรการคว่ำบาตรต่อคณะบริหารเบลารุส นำโดยประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ซึ่งเธอเรียกว่าเป็น “อีกหนึ่งผู้รุกรานในสงครามนี้”
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นความพยายามล่าสุดที่นานาประเทศนำออกมาใช้เพื่อสนับสนุนยูเครน ในขณะที่เจ้าหน้าที่กล่าวว่ากองทัพยูเครนสามารถรักษาเมืองสำคัญ ๆ เอาไว้ได้ท่ามกลางการรุกรานของกองทัพรัสเซีย
สำหรับรายงานล่าสุดนั้น ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้สั่งการให้กองกำลังป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Deterrent Forces) เตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด พร้อมประณามการกระหน่ำออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของต่างชาติและการใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ