กระจายการลงทุนในตราสารหนี้ประเทศจีนกับ ASP- CHINABOND
Highlight
ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ร่วมถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ว่ามีเศรษฐกิจในภูมิภาคไหนที่ยังเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนในปี 2565 รวมถึงปัจจัยเสี่ยงในการลงทุน และประเภทสินทรัพย์ที่ควรลงทุนคืออะไร และควรลงทุนในภูมิภาคไหน วันนี้ทันข่าว Today มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณณัฐพล จันทร์สิวานนท์ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการลงทุน บลจ. แอสเซท พลัส หาคำตอบมาให้นักลงทุนทุกท่าน
วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลกหรือไม่
วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน เปลี่ยนแปลงภาพการลงทุนไปพอสมควร เริ่มต้นปีด้วยมุมมองที่ Fed จะจัดการกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูง และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกก็ยังอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่พอเกิดวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ภาพรวมเงินเฟ้อต้องทบทวนใหม่ เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมัน ใหญ่ลำดับต้นๆ ของโลก ทำให้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และเมื่อน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อเช่นกัน ที่อาจมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อไม่ได้เป็นแค่ปัญหาเดียวเมื่อเกิดวิกฤตการณ์นี้ อีกหนึ่งปัจจัย คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจ เมื่อมีการคว่ำบาตรรัสเซียเศรษฐกิจที่เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยอาจจะไม่สูงเท่าค่าเฉลี่ยที่คาดการณ์ไว้ นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะต้อง Trade off ระหว่างการจัดการเงินเฟ้อกับการทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจยังคงดีอยู่ ทำให้การลงทุนค่อนข้างผัวผวน ต้องจับตาการประชุมของ Fed กลางเดือนมี.ค.65 นี้
ให้น้ำหนักภาคการลงทุนใดในปี 2565
เริ่มจากภูมิภาคที่ต้องหลีกเลี่ยงก่อน คือ ภูมิภาคยุโรป ต้องระมัดระวังเรื่องของการลงทุนพอสมควร เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปกับเศรษฐกิจรัสเซียมีความเหี่ยวข้องกันค่อนข้างมาก มาตรการคว่ำบาตรอาจจะทำให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะไปลงทุนในภูมิภาคในเราก็ต้องไปดูว่าภูภาคนั้นควรจะมีการพึ่งพาเศรษฐกิจรัสเซียน้อย มีนโยบายทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศตนเองได้มาก เช่น สหรัฐอเมริกา อย่างน้ำมันสหรัฐฯ ได้มีการใช้น้ำมันได้ใกล้เคียงเท่ากับที่สหรัฐฯ ผลิตเองได้ นับเป็นหนึ่งความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ เป็นประเทศที่น่าลงทุน แต่ต้องเลือก Sector การลงทุน ในมุมมองของคุณณัฐพล มองว่า ราคาน้ำมันมีการปรับตัวขึ้น กลุ่มพลังงานก็ควรมีติดพอร์ตอยู่ เพื่อลดความผัวผวนของพอร์ตโดยรวม และอีกหนึ่งภูภาคที่น่าสนใจลงทุน ก็คือ ประเทศจีน ปีนี้เป็นประเทศมีนโยบาการคลังและการเงินค่อนข้างจะแตกต่างจากทั่วโลก สังเกตุว่าประเทศสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น ก็กำลังจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รัดเข็มขัดเพื่อจัดการเงินเฟ้อ แต่ในขณะที่ประเทศจีนได้รัดเข็มขัดการเงินไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้เลยมีกระสุนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเรียกว่า Quarantine Divergence ปีนี้จีนมีการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน ตรงข้ามกับภูมิภาคตะวันตกที่มีการรัดเข็มขัดทางการเงิน ส่งให้ประเทศจีนมีความน่าสนใจลงทุน โดยหุ้นมีการถูกเทขายลงอย่างรุนแรง มูลค่าหุ้นและตราสารหนี้ไม่แพง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนระยะยาวมากกว่า 6 เดือน
โอกาสเติบโตของตราสารหนี้จีนเป็นอย่างไร
สำหรับตราสารหนี้ของประเทศจีนน่าสนใจไม่แพ้กับหุ้น เนื่องจากมีพัฒนาการที่ค่อนข้างดีมากในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่ตลาดตราสารหนี้ของจีนมีโอกาสเติบโตดียิ่งขึ้น ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนในตราสารหนี้ On-shore เพียง 3% ซึ่งมองว่าถ้ามีการเปิดตลาดมากขึ้นในอนาคตก็จะมีโอกาสที่จะมี Flow มากขึ้น เมื่อมีโอกาสมี Flow มากขึ้น อัตราดอกเบี้ยก็อาจจะปรับตัวลง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง ตราสารหนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น ให้ผลตอบแทนสูง ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหาในปี 64 ได้มีการปรับกฎระเบียบมากขึ้น เดิมรัฐบาลจีนไม่ให้ใช้ตัว Pre-sale มาใช้ในการลงทุนโครงการ ปัจจุบันก็ได้อนุญาตให้ใช้ Pre-sale ซึ่งก็ทำให้สภาพคล่องของภาคอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น และปัจจัยสุดท้ายที่จะสนับสนุนตราสารหนี้จีน ก็คือภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศจีนที่มีการผ่อนคลายมาตรการทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นปี 65 รัฐบาลจีนได้มีการลดอัตราดอกเบี้ยไปหลายครั้ง และคาดว่าจะมีการอัดฉีดสภาพคล่องสำหรับเศรษฐกิจเพิ่ม ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้สามารถเติบโตได้อย่างดี
กระจายการลงทุนในตราสารหนี้ประเทศจีนลงทุนกับ ASP-CHINABOND
สำหรับกอง ASP-CHINABOND แตกต่างจากที่อื่น คือ มีการทำ Asset Allocation ไปยังกองต่างๆ ที่เห็นว่าเหมาะสมกับช่วงนั้นๆ ในปัจจุบันมีสัดส่วนในการลงทุนตราสารหนี้ที่เป็น On-shore ที่เป็นเงินสกุลหยวนถึงประมาณ 66% และเป็นเงินดอลลาร์ 33% ด้วยเหตุที่จะสอดคล้องกับภาคการลงทุนที่รัฐบาลจีนจะมีการคัทอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัว On-shore จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ นอกจากนี้สัดส่วนของเครดิตเรตติ้งได้เน้นไปที่สิ่งที่มีคุณภาพ โดยมีตราสารหนี้ที่ดีมากกว่า 60% ซึ่งจุดนี้เองช่วยให้มีความสอดคล้องกับการที่จะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปล่อยให้อยู่ในระดับที่เสี่ยงมากเกินไปในการที่ไปอยู่ใน High Yield มากเกินไป จุดนี้เองก็ทำให้กองทุน ASP-CHINABOND มีความโดดเด่นที่จะสอดคล้องกับมาตรการและสภาวะเครดิตของรัฐบาลจีนในปัจจุบัน สัดส่วนของ High Yield คงไว้ไม่เกิน 60% ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30-40% ทั้ง High Yield และ Non Rate เรียกว่าไม่เยอะเลย ซึ่งมองว่าในอนาคตภาคอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น ภาคเครดิตของประเทศจีนดีขึ้น เราเองก็พร้อมที่เพิ่มสัดส่วนตรงนี้เพื่อมอบผลตอบแทนที่ดีที่สุดแก่นักลงทุน คุณณัฐพลกล่าว
กองทุน ASP-CHINABOND เหมาะกับนักลงทุนแบบใด
สำหรับกองทุน ASP-CHINABOND เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากปัจจุบันหุ้นอยู่ในจุดที่ท้าทายมาก มีปัจจัยทั้งเรื่องเงินเฟ้อ วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน การเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่เหมาะสมจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม และจะช่วยเสริมในส่วนของ Income ให้กับพอร์ตการลงทุน เนื่องจากตราสารหนี้โดยทั่วไปจะมีการจ่ายคูปอง จุดนี้เองที่จะมอบผลตอบแทนต่อความเสี่ยงให้เหมาะสมมากขึ้นสำหรับพอร์ตการลงทุนโดยรวม และมองว่าตราสารหนี้จีนเหมาะกับนักลงทุนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนที่ชอบลงทุนในหุ้นก็อาจจะแบ่งมาลงทุนในตราสารหนี้บ้าง หรือนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยก็สามารถลงทุนระยะยาวในตราสารหนี้ได้
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือรับหนังสือชี้ชวนได้ที่
Website / Facebook / Youtube : Asset Plus Fund Management
โทร. 02-672-1111