ราคาน้ำมัน-ทองคำ กลับมาพุ่งใหม่ สงครามไม่จบ เงินเฟ้อยังสูง
Highlight
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกครั้ง สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตือนว่ามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ภาวะอุปทานน้ำมันดิบของโลกตึงตัวมากๆ ดันเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับสูง และส่งผลให้ราคาทองคำยังคงสูงกว่า 1,900 เหรียญต่อออนซ์
บล.กรุงศรี วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันที่ยังคงพุ่งเหนือระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลว่า
การเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มดีแต่ยังไม่ชัดเจนนัก ยังเป็นปัจจัยกดดันส่งให้ราคาน้ำมันยืนเหนือ 100 เหรียญต่อบาร์เรลประกอบกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่างๆรวมกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป
การเจรจาสันติภาพระหว่างคู่ขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนจะจบแบบสันติ หรือบานปลายจนประเทศอื่นๆ จะเข้าร่วมรบหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจน การเจรจาที่ดูเหมือนจะตกลงกันไม่ได้ จากเงื่อนไขที่แต่ละฝั่งที่ไม่อาจยอมรับ
ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% พร้อมมั่นใจเผยภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ธนาคารกลางยุโรปหลายแห่งอาจปรับดอกเบี้ยตาม เช่น ธนาคารกลางของอังกฤษ หรือ BOE
ตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวดับตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาดโลก ประกอบกับเป็นช่วงที่การประกาศผลประกอบการผ่านไป ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นจากการเก็งกำไรอาจยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุน
ด้านตลาดหุ้นดาวโจนส์บวกแรงเป็นวันที่ 3 รับข่าวรัสเซียรอดพ้นภาระผิดนัดชำระหนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 418 จุด (+1.23%) ปิดที่ระดับ 34,481 จุด รับข่าวรัสเซียได้ชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์จำนวน 2 ฉบับ วงเงินรวม 117 ล้านดอลลาร์ซึ่งช่วยให้รัสเซียรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ เพราะเดิมตลาดคาดว่าการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการผิดนัดชำระหนี้
น้ำมันดิบพุ่ง 7.94 ดอลลาร์ IEA เตือนน้ำมันดิบทั่วโลกจะเริ่มตึงตัวในเดือน เม.ย. ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 7.94 ดอลลาร์ (+8.35%) ปิดที่ระดับ 102.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตือนว่ามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่างๆรวมกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ภาวะอุปทานน้ำมันดิบของโลกตึงตัวมากๆ
BoE ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ส่วนวันนี้ BoJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยตามเดิม เมื่อคืนนี้คณะกรรมการนโยบายการเงินอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.75% ตามที่ตลาดคาดไว้ ส่วนคณะกรรมการนโยบายการเงินของญี่ปุ่น(BoJ) จะมีการประชุมในวันนี้เราคาดว่า BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ -0.1% ตามเดิม
บล.กรุงศรีแนะนำซื้อสะสม หุ้น PTTEP PTT TOP SPRC BCP รับข่าวบวกราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น + ค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูง และ KBANK BBL TTB KTB ได้รับอานิสงส์ผลตอบแทนพันธบัตร (US bond yield) ดีดตัวขึ้น และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้ยังมีหุ้น AOT AAV MINT CENTEL ERW BH BDMS อานิสงส์มาตรการหนุนนักท่องเที่ยว
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลัง IEA รายงานอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มขาดแคลน
วันที่ 18 มีนาคม 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังหลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุในรายงานว่า อุปทานน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียจะลดลงกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนหน้า ซึ่งลดลงมากกว่าตัวเลขความต้องการใช้น้ำมันที่คาดการณ์ว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งสำนักงานพลังงานสากลคาดว่าแคนาดาสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อขจัดภาวะขาดแคลนนี้ ส่งผลให้ทั่วโลกจะขาดแคลนอุปทาน 700,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสที่สอง
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 224,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 1.1% ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมของโรงกลั่นในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 90.4% เพื่อรองรับอุปสงค์ที่จะเพิ่มสูงขึ้นในฤดูการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน
ตลาดยังได้รับแรงหนุน หลังจีนกล่าวว่าจะใช้นโยบายกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในจีนลดลง ส่งผลให้มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อให้โรงงานต่าง ๆ เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้ง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่ปรับลดลงจากการลดการส่งออกน้ำมันเบนซินของจีน อีกทั้งน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐปรับลดลง 3.61 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากน้ำมันดีเซลคงคลังญี่ปุ่น ที่ปรับลดลง 8.1% แตะระดับ 7.84 ล้านบาร์เรล
ทิศทางราคาทองคํา
MTS Gold แม่ทองสุก รายงานราคาทองคําในวันที่ 18 มีนาคม 2565 ราคาปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วงแรกก่อนการประกาศปรับขึ้น ดอกเบี้ยของเฟดในคืนวันก่อน โดยราคาทองคําลงมาทดสอบแถวบริเวณ 1,900 เหรียญ ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาแถวบริเวณ1,950เหรียญอีกครั้งในเมื่อวานนี้
ท่ามกลางตลาดเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่สภาวะการตึงตัวของน้ํามัน และความตึงเครียดในยูเครนยังคงอยู่ ด้านกองทุนทองคํา SPDR ซื้อเข้า 2.91 ตัน ปัจจุบันถือ ครองที่ 1,073.44 ตัน
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ออกมาค่อนข้างดี ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 214,000 ราย ลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 220,000 ราย ถือว่ามีการจ้างงานได้สูงในรอบหลายปี
ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ดูไม่ตอบรับกับ การขึ้นดอกเบี้ยเท่าไรนัก โดยมีบางช่วงดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 97.73 จุด และ ค่อยดีดตัวขึ้นมาทรงตัวที่ระดับ 98 จุด ทั้งที่จากการปรับข้ึนดอกเบี้ยของเฟดโดยทั่วไปน่าจะทําให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่า
แต่อาจจะเกิดจากการท่ีตลาดรับข่าวไปแล้วก่อนหน้า และสภาวะ สภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่เช้านี้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาที่33.33บาท/ดอลลาร์ภาพรวมค่า เงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าลง
ราคาทองคํากลับมายืนทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น และระยะกลางที่บริเวณ 1,950 เหรียญ โดยมี Technical Rebound หลังจากลงไปทดสอบเส้น Fibonacci 61 % เมื่อวันก่อน วันน้ีคาดว่าราคาทองคําจะมีการเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ 1,920 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,960 เหรียญ
สําหรับ Gold Comex และ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,920 เหรียญ และแนวต้าน 1,960 เหรียญ ด้านราคาทองคําไทยน่าจะเปิดปรับเพิ่มขึ้น +100 บาท/บาททองคํา
สําหรับ Gold Futures Series J22 จะมีแนวรับที่ระดับ 30,480 บาท และแนวต้านที่ระดับ 30,800 บาท โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคําและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้นการวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง