คาดเงินเฟ้อปีนี้พุ่ง 5-7% หากราคาน้ำมันแตะ 150 เหรียญ/บาร์เรล
Highlight
สงครามยืดเยื้อและส่อเค้ารุนแรงขึ้น ล่าสุดราคาน้ำมันดิบกระชากขึ้นไปอีก 5% อยู่ที่ระดับ 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ติดตามความคืบหน้า NATO ประชุมคืนนี้ ด้านกระทรวงการคลังคาดเงินเฟ้อไทยอาจปรับขึ้น 5-7% สูงสุดในรอบ 13 ปี หากราคาน้ำมันทะลุ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน โรงพยาบาล หลีกเลี่ยงปิโตรเคมี สายการบิน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ อัตราเงินเฟ้อปีนี้อาจพุ่งไปอยู่ที่ระดับ 5-7% ได้ โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อของเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 5.8% เป็นระดับเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 13 ปี
ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสินค้าในกลุ่มพลังงาน และสินค้าในหมวดอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต และราคาวัตถุดิบ ทั้งนี้รัฐบาลจะพยายามหาแนวทางและมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชน ลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด
รมว.คลัง ระบุว่า กระทรวงพลังงาน ได้มีการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีไว้ 3 ระดับ ซึ่งจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อในปีนี้ ประกอบด้วย
กรณีแรก ราคาน้ำมันดิบทั้งปีเฉลี่ยที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล กรณีที่สอง ราคาน้ำมันดิบทั้งปีเฉลี่ยที่ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล และกรณีที่สาม ราคาน้ำมันดิบทั้งปีเฉลี่ยที่ 150 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งใน 3 กรณี คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้ ขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 5-7% ได้
โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อของเดือน ก.พ. 65 พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 5.8% ซึ่งเป็นระดับเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 13 ปี สาเหตุหลักที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงมาจากสินค้าในกลุ่มพลังงาน และสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต และราคาวัตถุดิบ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดภาระค่าครองชีพที่เกิดจากปัญหาราคาน้ำมันแพง จากผลกระทบของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งมาตรการช่วยเหลือในครั้งนี้ ถือว่ามุ่งเป้าที่จะช่วยลดผลกระทบโดยตรง
เคาะขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม เดือนละ 15 บาทต่อถัง
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. มีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG หรือก๊าซหุงต้ม เดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 15 บาทต่อถังน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ต่อเนื่อง 3 เดือน จากปัจจุบันตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน ส่งผลให้ราคาขายปลีกจะปรับขึ้นเป็น 333 บาทต่อถัง เดือนพฤษภาคม ราคาจะอยู่ที่ 348 บาทต่อถัง และปรับขึ้นเป็น 363 บาทต่อถัง ในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ แม้จะมีการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม แต่กองทุนฯ ยังคงต้องจ่ายเงินอุดหนุนราคาขายปลีก เนื่องจากราคาก๊าซหุงต้มในตลาดตอนนี้พุ่งไปอยู่ที่ถังละ 615 บาทแล้ว
ขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีความผันผวน ล่าสุด (22 มี.ค.) ราคาเบนซินอยู่ที่ 133.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และดีเซลราคา 139.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ขณะนี้กองทุนฯ ต้องจ่ายชดเชยน้ำมันดีเซลในอัตราลิตรละ 7 บาท 97 สตางค์ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถชดเชยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ได้จนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้
ส่วนความคืบหน้าการกู้เงินยืม เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนฯ ยังอยู่ระหว่างการเปิดให้สถาบันการเงินยื่นข้อเสนอจนถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายว่าจะได้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้กับกองทุนฯ ภายในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งฐานะกองทุนฯ ล่าสุด (20 มี.ค.) ติดลบอยู่ที่ 32,831 ล้านบาท มีรายจ่ายกลุ่มน้ำมันสูงถึงวันละประมาณ 546 ล้านบาท และกลุ่มก๊าซ LPG หรือก๊าซหุงต้มกว่า 87 ล้านบาทต่อวัน
หุ้นไทยร่วงตามเอเชีย
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงในวันพุธ (23 มี.ค.) ท่ามกลางความกังวลว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่กรุงบรัสเซลส์เพื่อวางแผนกดดันรัสเซียให้ยุติการโจมตียูเครน
- ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,693.77 จุด ลดลง 346.39 จุด หรือ -1.24%,
- ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,002.87 จุด ลดลง 151.21 จุด หรือ -0.68% และ
- ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,256.06 จุด ลดลง 14.97 จุด หรือ -0.46%
นักลงทุนกังวลว่า การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจ อีกทั้งจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานว่าบริษัทแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (Caspian Pipeline Consortium- CPC) ของคาซัคสถาน ระงับการส่งออกน้ำมันเนื่องจากประสบความเสียหายจากพายุ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (23 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และผลกระทบจากการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน
- ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 454.03 จุด ลดลง 4.62 จุด หรือ -1.01%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,581.43 จุด ลดลง 77.98 จุด หรือ -1.17%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,283.65 จุด ลดลง 189.55 จุด หรือ -1.31% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,460.63 จุด ลดลง 16.09 จุด หรือ -0.22%
นักวิเคราะห์แนะติดตามผลประชุม NATO คืนนี้
บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) มองว่าตลาดยังแกว่งตัวแคบๆ นักลงทุนรอผลประชุม NATO คืนนี้ และราคาน้ำมันพุ่ง สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ที่ไม่มีความคืบหน้า และ supply ที่ลดลงในหลายๆ จุด โดยเฉพาะของรัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันดิบ (Brent $123) ความกังวลเงินเฟ้อของนักลงทุนเริ่มกลับมา ทำให้ตลาดเกิดความกลัว
หุ้นได้อานิสงค์ อาทิ PTTEP และโรงกลั่นน้ำมัน แต่เป็นลบต่อหุ้นปิโตรเคมีและสายการบิน
คืนนี้ (24 มี.ค.) ติดตามการประชุม NATO เรื่องรัสเซียบุกยูเครน เราประเมินประชุมครั้งนี้ ยังไม่น่าจะมีการตัดสินใจใดๆ ที่มีนัยยะ แต่น่าจะเป็นการแสดงจุดยืนของ NATO ต่อกรณียูเครน มากกว่า ตลาดทั่วโลกจะชะลอตัว เพราะต้องรอดูผลการประชุม
ติดตามเรื่องภาษีทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่สหรัฐพยายามบีบให้จีน Sanction รัสเซีย ซึ่งอาจจะกระทบทางการค้าต่าง ๆ
ก.ล.ต. เห็นว่า Cryptocurrency ยังไม่เหมาะนำมาใช้ในการซื้อขายสินค้าและบริการ ด้าน ธปท.ออกเกณฑ์ลงทุน DA ของธนาคาร ด้วยเกณฑ์ที่ออกมามีความชัดเจนขึ้น คาดเป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง(JMART) และธนาคาร (SCB)
ตลท.ยกระดับมาตรการกำกับซื้อขาย ให้ระดับ 3 ขึ้น “SP” 1 วันทำการ มีผล 4 เม.ย. และตั้งแต่มาตรการระดับ 2 ขึ้นไป จะห้าม Net Settlement เราประเมินจะมีผลให้แรงซื้อเก็งกำไรหุ้นติด Cash Balance จะลดลงไปมาก
ทั้งนี้ ตลาดอาจชะลอตัวลง เพราะรอดูความคืบหน้าเรื่องยูเครน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น เป็นลบต่อตลาดมากกว่า แนะนำเป็นเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ รถ EV , หุ้นน้ำมัน , หุ้นโรงพยาบาล
Copy Trade หุ้นฝรั่งซื้อวานนี้ PTTEP, BBL, JMT
พอร์ตหุ้นวันนี้ KTBST แนะนำ BGRIM, CBG, AMATA ออกจากพอร์ต และเพิ่ม SPRC, JMART, BLAเข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย SPRC(10%), JMART*(10%), BLA (10%), EA*(10%), BCH(10%), NEX (10%), SYNEX(15%)
Strategy Stock Pick
SPRC: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 10.50 บาท) “ได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นและราคาน้ำมันทรงตัวสูง”
- แนวโน้มรายได้ปี 22 สวย ค่าการกลั่นและราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูงหนุน Outlook ด้านบริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบเข้าโรงกลั่น 160-165 พันบาเรล/วัน +10-14%YoY
- Outlook Demand การใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2022 เติบโตจากปีก่อนท่ามกลางนโยบายการเปิดเมือง-ประเทศ ด้าน Crack Spread มีแนวโน้มดีขึ้น
- KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 4.5 พัน ลบ. และ 5.1 พัน ลบ. -3.4%YoY, 12%YoY ตามลำดับ