เงินไหลออก LTF มากสุดในรอบ 3 ปี ลงทุน LTF คุ้มหรือไม่กับเวลาที่เสียไป 7 ปี

Highlight

เงินไหลออก LTF สูงถึง 1.5 หมื่นล้าน ลงทุน LTF คุ้มกับประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับหรือไม่กับเวลาที่เสียไป 7 ปี นักลงทุนที่ขายไปแล้วควรเอาเงินกลับมาลงทุนต่อที่ไหนดี ที่นี่มีคำตอบ‼️

เงินไหลออก LTF สูงถึง 1.5 หมื่นล้าน

กองทุน LTF มีมูลค่าทรัพย์สินล่าสุดอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท ลดลง 4.1% จากสิ้นปี 2021 (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มีนาคม 2022) นักลงทุนที่ถือครอง LTF ในปี 2016 หรือก่อนปีดังกล่าว ได้มีการขายกองทุนที่ครบกำหนดการถือครอง 7 ปีปฏิทิน โดยการขายในช่วงต้นปี 65 ถึง 23 มีนาคม หรือเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา LTF มีเงินไหลออกสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท เงินที่ไหลออกในต้นปีนี้ถือว่ามากสุดเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เหตุผลส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจาก SET ที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่องแตะระดับ 1,700 จุด

นักลงทุนได้ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ ⁉️

ผลตอบแทนของการลงทุน ใน LTF แบ่งผลตอบแทนเป็นสองประเภทได้แก่
1. ภาษีที่ประหยัดได้ จากฐานภาษีสูงสุดที่ต้องเสีย เช่น 15%-35% ขึ้นอยู่กับฐานเงินได้ของแต่ละคน
2. ผลตอบแทนจากการลงทุน ขึ้นอยู่กับการเลือกกองทุนว่าสามารถทำผลงานได้ดีแค่ไหน 
ผลตอบแทนรวมตลาดหุ้นไทย SET TR สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.1% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุน LTF อยู่ที่ 0.6% ในภาพระยะ 5 ปีผลตอบแทน SET TR อยู่ที่ 4.6% ต่อปี ในขณะที่กองทุน LTF เฉลี่ยที่ 2.4% ต่อปี

ดังนั้นการเลือกกองทุนที่ทำผลงานได้ดี จะสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างจากค่าเฉลี่ยอย่างชัดเจน 



นักลงทุนนิยมลงทุนกับบลจ.ไหน ⁉️

บลจ.ที่เป็นแชมป์ขนาดของกองทุนสูงสุด 3 อันดับคือบัวหลวง กสิกร กรุงศรี 

บลจ.บัวหลวงมีเงินไหลออกสุทธิสูงสุดระดับ 5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าเงินไหลออกในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ อันเนื่องมาจากการเป็นบลจ.ที่มีส่วนแบ่งตลาดกองทุน LTF สูงสุด โดยล่าสุดมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 9.6 หมื่นล้านบาทหรือคิดเป็น 27% ของตลาดกองทุน LTF

ขณะที่บลจ.อีก 4 แห่งที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดก็มีเงินไหลออกในระดับพันล้านบาทเช่นกัน โดยบลจ.กสิกรไทยมีเงินไหลออกราว 2.5 พันล้านบาท ตามมาด้วยบลจ.ไทยพาณิชย์ บลจ.ยูโอบี และบลจ.กรุงศรี ที่มีเงินไหลออกระดับ 1 พันกว่าล้านบาท รวมบลจ.ที่มีเงินไหลออกสูงสุด 5 อันดับแรกคิดเป็นมูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านบาท หรือ 83% ของมูลค่าเงินไหลออกสุทธิในช่วงที่ผ่านมา



ขาย LTF แล้วเอาเงินไปลงทุนอะไรดี ⁉️

การลงทุนใน LTF มีข้อจำกัดคือนโยบายการลงทุนสามารถลงได้เฉพาะหุ้นไทยเท่านั้น ดังนั้นเมื่อนักลงทุนขายกอง LTF ที่ครบกำหนดไปแล้วสามารถนำเงินดังกล่าวมาลงทุนในกองประหยัดภาษีได้แก่ SSF และ RMF ซึ่งจะมีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายกว่าและได้ประโยชน์ภาษีเช่นเดียวกัน

นักลงทุนที่มองหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนในกองต่างประเทศ
ในช่วงนี้จะเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุนในกองทุนที่ราคาปรับฐานลงมาจากสถานการณ์ที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย สงครามรัสเซีย-ยูเครน และแรงเทขายหุ้นพื้นฐานในตลาดจีน จากนโยบายการกำกับดูแลของทางการ และสถานการณ์โควิดที่ระบาดรอบใหม่ในจีน