12 เมษายน 2565
1,649

ttb คาดรายได้ท่องเที่ยวไทยปี 65 แตะ 1 ล้านล้านบาทสูงสุดในรอบ 2 ปี

ttb คาดรายได้ท่องเที่ยวไทยปี 65 แตะ 1 ล้านล้านบาทสูงสุดในรอบ 2 ปี
Highlight

รายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ 2 เดือนแรกของปี 65 สูงขึ้น  112,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% จากปี 64 เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ปีนี้อาจเห็นการท่องเที่ยวฟื้นตัว ttb คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้จะแตะ 1 ล้านล้านบาท ทั้งนี้การยกเลิกการตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้ง 3 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Test&Go, แซนด์บ็อกซ์ และแบบกักตัว และการผ่อนคลายอื่นๆ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากในครึ่งปีหลัง


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่า ปี 2565 รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ จะอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท นับเป็นรายได้สูงสุดในรอบกว่า 2 ปี แต่ยังคงเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักที่ 70% โดยเพิ่มขึ้น 3.2 เท่าจากปี 2564 

ส่วนรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากปลดล็อกการเดินทางเข้าไทยทุกเงื่อนไข นอกจากนี้ คาดเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวจะกระจายไปทุกภาค โดยอันดับสูงสุด ได้แก่ ภาคใต้ ซึ่งล่าสุดข้อมูลการจองที่พักของเกาะสมุย และจังหวัดภูเก็ตอยู่สูงกว่า 60%

เมื่อพิจารณาถึงข้อมูลของสถิติด้านการท่องเที่ยว พบว่าอัตราการเข้าพักในช่วง 2 เดือนแรกปี 65 อยู่ที่ 35.6% เทียบกับในช่วงเดียวกันปี 64 อยู่ที่ 13.5% เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกภาค โดยภาคเหนือ มีอัตราการเข้าพักสูงสุดที่ 55.9% ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 75.8% น่าน 72.2% รายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติรวม 112,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% โดยมาจากนักท่องเที่ยวไทย 85%

สำหรับการเดินทางในช่วงไตรมาส 2/65 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยประมาณการจากรูปแบบการฟื้นตัวของการเดินทางในช่วงสงกรานต์ปี 64 อ้างอิงข้อมูลจาก Facebook Mobility แสดงให้เห็นถึงภาพการเคลื่อนที่ของผู้ใช้ Facebook ในทุกภูมิภาคปรับตัวในทิศทางที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตโควิด-19 ในปี 63-64 โดยเฉพาะการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นในภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีสะท้อนการเดินทาง ที่ให้ข้อมูลการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในทุกภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเดินทาง ได้แก่ 1. อัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้นมาก โดยอัตราการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอยู่ที่ 34% ของประชากรไทย 2. คนไทยปรับตัวรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้มากขึ้น และ 3. การไม่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในช่วงของการระบาดระลอกแรก และระลอกสองที่ผ่านมา

“จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ กลับมาเป็นจุดเริ่มต้นของโหมดการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ที่มีสัญญาณชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยการยกเลิกการตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Test&Go, แซนด์บ็อกซ์ และแบบกักตัว” บทวิเคราะห์ระบุ

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น มีแนวโน้มที่บั่นทอนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวลง และส่งผ่านไปยังรายได้โดยรวมให้เพิ่มขึ้นในระดับที่ยังจำกัด โดยคาดว่าทั้งปี 65 รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท นับเป็นรายได้สูงสุดในรอบกว่า 2 ปี 

ทั้งนี้ยังคงเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักที่ 70% โดยเพิ่มขึ้น 3.2 เท่าจากปี 64 ส่วนรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากปลดล็อกการเดินทางเข้าไทยทุกเงื่อนไข

ในส่วนของบรรยากาศการท่องเที่ยวทั่วโลก มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดหลายประเทศในอาเชียน ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย (เกาะบาหลี) และสิงคโปร์ ได้ปลดล็อกเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว 

ส่วนไทยมีแนวโน้มที่จะปลดล็อกมาตรการเดินทางเข้าประเทศเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางปี ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมามากขึ้น แต่ยังไม่เป็นระดับที่ก่อนเกิดโควิด

ttb analytics มองนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อยู่ที่ 4.5 ล้านคน ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวไทยยังคงเป็นรายได้หลักของภาคการท่องเที่ยวในปีนี้ ด้วยหลากหลายปัจจัยหนุน อาทิ ประชากรได้รับวัคซีนเข้มกระตุ้นมากขึ้น 

คนไทยเรียนรู้ปรับตัวในสถานการณ์โควิด-19 มากขึ้น และจากข้อมูลการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนไทย ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายด้านยานพาหนะการเดินทาง และเพื่อการบันเทิงคิดเป็น 17%

ดังนั้น แม้จะเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน และกำลังซื้อยังไม่กลับสู่ระดับปกติ แต่เชื่อว่าคนไทยยังคงมีการเดินทางในชีวิตประจำวัน ซึ่งรวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวด้วย 

โดยมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มใช้จ่ายน้อยลง โดยพิจารณาจากการเลือกจังหวัดเดินทางท่องเที่ยวอาจเป็นจังหวัดใกล้ๆ หรือเป็นการท่องเที่ยวเมืองรองที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า หรือเลือกรูปแบบการเดินทางเป็นทางบกมากขึ้น

พฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ จึงแนะผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรพิจารณาและทำการตลาดที่จะดึงดูดการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับรูปแบบการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ที่มีแนวโน้มกลับมามากขึ้นเช่นกัน 

ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวที่เป็นตลาดหลัก ได้แก่ จีน และรัสเซียสามารถเดินทางออกนอกประเทศภายในปีนี้ ก็จะเป็นปัจจัยเร่งให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมาเทียบเท่ากับสถานการณ์ก่อนโควิด-19 ได้เร็วขึ้น

ติดต่อโฆษณา!