เคล็ดลับจัดการ LTF ที่ครบกำหนดแล้วแต่ยังขาดทุน

Highlight

การลงทุนใน LTF ของนักลงทุนส่วนใหญ่จะกระจายไปหลายที่และผลตอบแทนติดลบมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับว่ามีการลงทุนในกองไหน และเมื่อถึงเวลาที่จะครบกำหนดการขาย LTF แล้วยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรกับพอร์ตการลงทุนนี้ พอร์ตบางคนขาดทุน บางคนกำไรเล็กน้อย บางคนกำไรสูง ถึงแม้จะมีการลงทุนในหุ้นไทยเหมือนกันแต่มีการเลือกกองทุนที่แตกต่างกันและลงทุนในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เรามาฟังเทคนิคดีๆ ของการจัดการเงิน LTF กันค่ะ 

วิธีการสำหรับนักลงทุนที่ครบกำหนดการถือครอง LTF แต่ยังขาดทุน

1. รวบรวมข้อมูลการลงทุนทั้งหมดที่มีอยู่และจัดทำสรุปการลงทุนว่าซื้อ  มาเมื่อไหร่ ต้นทุนและกำไรเท่าไหร่
2. พิจารณาผลตอบแทนและนโยบายการลงทุนของกองทุนว่ายังน่าสนใจอยู่หรือไม่
3. พิจารณาแนวโน้มและโอกาสทำผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทย ว่ายังมีความน่าสนใจอยู่หรือไม่
4. พิจารณาทางเลือกในการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสม ว่าควรจะขายเพื่อนำเงินไปลงทุนในแบบไหน และส่วนที่ยังไม่ครบกำหนด ควรจะปรับเปลี่ยนอย่างไร เมื่อหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น

ทางเลือกในการขายและการปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับผลงานของพอร์ตการลงทุนปัจจุบันและทางเลือกการลงทุนใหม่ว่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการถือกองทุนเดิมหรือไม่  ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างเดียวจะมีทางเลือกที่จะจำกัด ดังนั้นเงินลงทุนใน LTF ที่ครบกำหนดแล้ว ถ้านักลงทุนจะหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นในจังหวะนี้นับเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการมองหาการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ที่ราคามีการปรับตัวลงมาอย่างมากจากสถานการณ์ตลาดโลกที่มีความกังวลในหลายๆเรื่อง การลงทุนในหุ้นพื้นฐานที่ดีในจังหวะที่ราคาปรับตัวลงมาจากสถานการณ์ภายนอกแต่พื้นฐานของหุ้นยังแข็งแกร่งและเติบโตได้ดี จะเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงและความผันผวนได้ และมีเวลามากพอในการสร้างผลตอบแทนในระยะกลาง-ยาว เช่นเดียวกับการถือครอง LTF ซึ่งต้องลงทุนในระยะเวลา 5-7 ปี

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการที่ปรึกษาการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำที่ถูกต้องสำหรับแต่ละทางเลือก สามารถส่งพอร์ตการลงทุนของท่านมาให้เราได้ที่ @Wealthrepublic เพื่อที่จะให้คำแนะนำที่เหมาะสม

สนใจลงทุนติดต่อ