01 มิถุนายน 2565
1,920

น้ำมันโลกทะยานแตะ 120 ดอลลาร์ ต้นทุนธุรกิจพุ่ง ฉุดกำไร บจ.ร่วง

น้ำมันโลกทะยานแตะ 120 ดอลลาร์ ต้นทุนธุรกิจพุ่ง ฉุดกำไร บจ.ร่วง
Highlight

ราคาน้ำมันดิบผันผวน และราคาปรับเพิ่มขึ้นท่ามกลางความกังวลการคว่ำบาตรระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของยุโรป ขณะที่โอเปกพลัสหารือถอดรัสเซียจากกลุ่ม และ ความต้องการน้ำมันชาติเอเชียเพิ่มขึ้นจากการที่หลายประเทศผ่อนคลายการล็อกดาวน์
นักวิเคราะห์ชี้ทำต้นทุนบริษัทจดทะเบียนพุ่ง กำไรหดตัว ยกเว้นหุ้นกลุ่มน้ำมัน นักวิเคราะห์แนะลงทุน PTTEP TOP BCP ESSO


บมจ.ไทยออยล์ วิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานแตะ 121 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) มีมติระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 

โดยมาตรการดังกล่าวยุโรปคาดว่าจะกดดันรัสเซียเพื่อตัดแหล่งการเงินขนาดใหญ่ที่รัสเซียใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงครามยูเครน และจะลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียกว่าร้อยละ 90 ภายในสิ้นปีนี้ 

อย่างไรก็ตาม ฮังการีได้คัดค้านที่จะหยุดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียทั้งหมด

กลุ่มโอเปกพลัสกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซียในข้อตกลงด้านการผลิตของโอเปกพลัส ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

รวมทั้งสมาชิกอื่นของโอเปกพลัส พากันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่หายไปของรัสเซียได้ โดยที่ผ่านมาโอเปกพลัสยังคงยึดมั่นในข้อตกลงเดิม ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 432,000 บาร์เรลต่อวัน จนถึงเดือน ก.ย.
 
ในขณะที่จีนเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากที่ปิดเมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นานกว่า 2 เดือน ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินเดียปล่อยน้ำมันเบนซินออกสู่ตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตามความต้องการในภูมิภาคเอเชียปรับตัวสูงขึ้นจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ในหลายประเทศ
 
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ  หลังยุโรปมีมติแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย สร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคที่อาจตึงตัวขึ้น อย่างไรก็ตามปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากเกาหลีใต้ปรับสูงขึ้น
 
ด้านบริษัทหลักทรัพย์เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินดัชนีฯตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 มิ.ย.)จะผันผวนแต่เนื่องจากไทยมีบริษัทโรงกลั่นและขายขนาดใหญ่ซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัวได้ประโยชน์ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นจึงพยุงดัชนีแกว่งตัวในรอบแคบๆได้  แต่ให้ระวังการขายทำไร เพราะตลาดกังวลเงินเฟ้อ 

นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่ารัสเซียหยุดส่งก๊าซให้กับเนเธอร์แลนด์ หลังจากไม่ยอมจ่ายเงินให้รัสเซียเป็นเงินสกุลเงินรูเบิล ตามความต้องการของประธานาธิบดีปูติน ผู้นำของรัสเซีย จากการถูกคว่ำบาตรของชาติตะวันออก 

บล.เคทีบีเอสทีวิเคราะห์ว่า การตอบโต้ทางความขัดแย้งด้วยวิธีนี้ จะทำให้ราคาพลังงานนั้นผันผวนต่อไป เป็นผลดีต่อ PTTEP, BANPU แต่เป็นลบต่อโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี ที่มีต้นทุนการผลิตจากน้ำมันค่อนข้างสูง

สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามคือการประชุม OPEC+ ในวันพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.) ว่าจะยังคงกำลังการผลิตหรือไม่ หลังจากที่รัสเซียไม่ได้เข้าร่วมประชุม รวมถึงซาอุฯ จะมีการออกจากกลุ่ม OPEC+ ซึ่งอาจจะหมดบทบาทลงในช่วงกลางปี ข่าวนี้เป็นบวกต่อราคาน้ำมันเช่นกัน

เช้าวันนี้ (1) ประธานาธิบดี Biden หารือกับนายเจอโรม พาวเวล  ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ  เกี่ยวกับเรื่องการจัดการปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งหากไม่สามารถจัดการได้ อาจจะไปส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของ Biden ที่ลดลงได้

จีนยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ หลังจากที่มีสัญญาณการควบคุมโควิดที่ดีขึ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Tech ปรับตัวขึ้นแรง ขณะที่เซี่ยงไฮ้วันนี้เริ่มผ่อนคลายมาตรการเป็นวันแรก มองว่าตัวแปรนี้จะยังช่วยตลาดหุ้นไทยได้ แต่ยังคงต้องติดตามราคาหุ้นของกลุ่ม Logistics หากไม่ปรับตัวขึ้นตามสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับอาจจะมีปัจจัยเฉพาะตัวที่กดดันอยู่

ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ทำให้รัฐบาลยังคงต้องแบกรายจ่ายจำนวนมาก ซึ่งหากรัฐบาลตัดสินใจปล่อยลอยตัว จะไปส่งผลกระทบต่อต้นทุนอาหารที่ปรับตัวขึ้น

กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า หากราคาน้ำมันยืนอยูในระดับสูงกว่า 120 ดอลลาร์ต่อเนื่องราว 1-2 ไตรมาส จะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ปรับต้นทุนไม่ทัน และอาจกระทบต่อกำไร บริษัทจดทะเบียน น่าจะถูกปรับลงเหลือเติบโตต่ำกว่า 5% ในปีนี้ จากปัจจุบันที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ากำไรของ บจ. ปีนี้จะเติบโตได้ 10% 

หากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน อาจกดดันเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างเช่นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่เงินเฟ้อสหรัฐสูงถึง 8.5% ซึ่งมาจากราคาน้ำมัน  อย่างไรก็ตาม ราคาหารในขณะนี้สูงกว่าเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น Fed อาจเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น มุมทองของ บล.โนมูระ คาดว่าราคาน้ำมันน่าจะสูงสุดครึ่งปีแรก ก่อนจะผ่อนลงครึ่งปีหลัง แต่คิดว่าคงจะไปไม่ถึง 140-160 ดอลลาร์

กลยุทธ์การลงทุน 

  • ตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง  แต่ความกังวลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้นักลงทุนขายทำกำไรช่วงสั้นออกมา จริงๆ แล้วดัชนีฯเดินทางมาถึงเป้าหมายแรกของเราที่ 1660 จุดแล้ว

  • ยิ่งใกล้วันประชุม FOMC (14-15 มิ.ย.) ตลาดจะผันผวนมากขึ้น การลงทุนในช่วงนี้ ควรปรับเป็นเล่นสั้น เน้นข่าวรายวันไปก่อน

  • เรื่อง Flow จากนักลงทุนต่างประเทศที่เข้าหุ้นไทย ถ้าจะ  Copy trade หุ้นฝรั่งซื้อมาก 3 ลำดับแรก คือ  AOT, PTTEP, CPALL

  • พอร์ตหุ้นวันนี้ เคทีบีเอสทีแนะนำ BE8, FORTH, BGRIM ออก และเพิ่ม BANPU  เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย BANPU(10%),  AMATA(10%), KBANK(10%),  AAV(10%) JMT*(10%), BH*(10%)

Strategy Stock Pick

บล.เคทีบีเอสที แนะนำ BANPU: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท) “รัสเซียประกาศหยุดส่งก๊าซให้เอกชน EU คาดราคาก๊าซ-ถ่านหินไปต่อ

รับประโยชน์จากราคาก๊าซและถ่านหินที่เพิ่มขึ้น New Castle Coal +31% และก๊าซ (Henry Hub) +14% ตามลำดับ นับจากเดือนเดือน พ.ค. จากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ดำเนินไป

KTBST ประเมิน BCP มีกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 3.14 หมื่นล้านบาท และ 2.46 หมื่นล้านบาท +155%YoY, -35%YoY ตามลำดับ

บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด แนะนำเก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่น หุ้นแนะนำได้แก่ TOP,
BCP, ESSO  หุ้นกลุ่มถ่านหิน ได้แก่ BANPU,LANNA   กลุ่มเปิดเมือง CPALL, CPN, MAKRO และ OR 

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ภาคการผลิตจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีต้นทุนเป็นพลังงาน เช่น ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง สายการบิน โลจิสติกส์ และสุดท้ายผลกระทบก็จะส่งผ่านมายังผู้บริโภค 

ส่วนกลุ่มพลังงานหากเป็นกลุ่มต้นน้ำ เช่น PTTEP, BANPU และโรงกลั่นต่างๆ จะได้รับประโยชน์ 

ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี เช่น IRPC, PTTGC และ SCC จะได้รับผลกระทบ จากต้นทุนที่สูงขึ้น

ติดต่อโฆษณา!