กลยุทธ์การลงทุนของ Baillie Gifford ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน
ทำไม Baillie Gifford มองว่าจังหวะที่เศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย เป็นจังหวะที่ควรถือลงทุนต่อ
“สิ่งที่ต้องมีในตอนนี้ไม่ใช่วินัยในการขายหุ้น แต่คือวินัยการถือลงทุน”
มมอง Baillie Gifford ต่อกลยุทธ์การลงทุนในกองทุน Baillie Gifford Long Term Global Growth (LTGG) กองทุนหลักของ ONE-UGG
นช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญปัจจัยกดดันที่หลากหลาย เช่น ความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และการลดขนาดงบดุลทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง ภูมิรัฐศาสตร์ (รัสเซีย-ยูเครน)และการ Lockdown เซี่ยงไฮัศูนย์กลางทางการเงินของจีนจากนโยบาย Zero-covid ทำให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะ ถดถอยในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า
Baillie Gifford (BG) ได้เปรียบเทียบสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันว่าเหมือนกับการล่องเรืออยู่กลางทะเลที่มีพายุพัดกระหน่ำ แต่ BG ไม่เคยตัดสินใจหันหัวเรือกลับสู่ชายฝั่งตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการลงทุน สิ่งที่ต้องมีในตอนนี้ไม่ใช่วินัยในการขายหุ้น แต่คือวินัยการถือลงทุนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างมูลค่าให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
สิ่งที่ BG ทำมีเพียงแค่การตรวจสอบว่าธุรกิจที่ถือลงทุนสามารถฝ่าพายุนี้ไปได้หรือไม่ในระยะยาว โดยการที่จะทำเช่นนี้ได้เราต้องเชื่อว่าเรือของเรานั้นแข็งแกร่ง กล่าวคือ หุ้นในพอร์ตการลงทุนมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีทั้ง Top-line และ earnings และมีการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตมากกว่าการจ่ายปันผลหรือซื้อหุ้นคืน อย่างไรก็ตามปัจจุบันกองทุนมีหุ้น 15 ตัวในพอร์ตที่ยังไม่มีกำไร คำถามคือหุ้นพวกนี้จะฝ่ามรสุมนี้ไปได้หรือไม่? คำตอบคือหุ้นในนี้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแท้จริง จึงไม่มีอะไรที่น่ากังวล โดยหุ้นที่ทั้งกำไรและกระแสเงินสดติดลบมีเพียง Coupang, Carvana, Bilibili, BeiGene,Beyond Meat และ Peloton โดยหุ้นที่กองทุนดูจะเริ่มกังวลมีเพียง 2 ตัวหลัง (สัดส่วนรวมกัน 1.8% ของกองทุน)ซึ่งกองทุนได้จับตาพัฒนาการของกิจการอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามในมุมกลับกันหุ้นโดยส่วนใหญ่ (น้ำหนักกว่า 90% ของกองทุน) อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น Modera ที่ประสบความสำเร็จ
กับวัดซีน Covid-19 และมีเงินเพื่อไปลงทุนในเทคโนโลยี mRNA ต่อในการพัฒนาวัคซีนในโรคอื่น ๆ ประกอบกับต้นทุน genome sequencing ที่ลดลง 18% ต่อปี ได้ช่วยในการพัฒนาการรักษาโรคใหม่ ๆ ซึ่ง BioNTech รวมถึงผู้ผลิตเครื่องอย่าง Illumina ก็ได้ประโยชน์เช่นกัน ด้าน ASML และ NVIDIA ได้รับประโยชน์อย่างเด่นชัดจากการเติบโตของอุตสาหกรรม semiconductor ขณะที่ Tesla ส่งมอบรถยนต์ทำสถิติใหม่และทำ margin ได้ดีกว่าค่ายรถยนต์เดิม อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลบวกต่อการหันมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยหุ้นจีน NIO และ CATL ในพอร์ตก็ได้ประโยชน์ด้วย นอกจากนี้ BG ยังได้เข้าซื้อหุ้นบางตัวที่ราคาลดลงอย่างไม่สมเหตุสมผล (Coupang และ Affim) โดยกรณี Affim BG เชื่อว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดบัตรเครดิตในสหรัฐฯ ได้ 25% ในทศวรรษข้างหน้า ด้วย GMV กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ จะทำกำไรได้ 7 พันล้านเหรียญ ในปี 2032 ขณะที่หุ้นใหม่ที่กองทุนเพิ่มเข้ามาในไตรมาสก่อนได้แก่ Roblox แพลตฟอร์มที่จะได้รับประโยชน์จากการมาของ Metaverse, SEA เจ้าตลาด e-commerce ในอาเชียน รวมถึง LATAM และ Ginkgo Bioworks ที่มองว่าจะเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ด้วยชีววิทยา
นักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนลงในกองทุนหลากหลายประเภทและต้องการคำปรึกษาว่าควรจะปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร ติดต่อบลน. เวลท์ รีพับบลิค ผ่าน LINE IDได้ที่ @Wealthrepublic
ที่มา: ONEAM, Wealth Republic