บล. เมย์แบงก์ (MST) ผนึก BNY Mellon IM ยักษ์ใหญ่การลงทุนระดับโลก ปรับกลยุทธ์ธุรกิจสู่ดิจิทัลเวลธ์
Highlight
เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) พลิกโฉมธุรกิจ มุ่งสร้างโอกาสการลงทุนเท่าเทียมเดินหน้าผนึก บีเอ็นวาย เมลลอน ที่ปรึกษาการลงทุนระดับโลกเพิ่มศักยภาพ ยกระดับบริการสู่เวิร์ลคลาส ต่ออยอดการบริการด้วยดิจิทัลเวลธ์ นำเสนอชุดการลงทุนที่มีความแตกต่างด้านความเสี่ยง 5 รูปแบบ และความแตกต่างด้านความผันผวน 5 รูปแบบ ตอบสนองความต้องการเมรนด์การลงทุนยุคใหม่
บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST ผู้นำด้านการลงทุน ถือหุ้นโดย เมย์แบงก์ ธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซีย เดินหน้าธุรกิจสู่การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน ชูกลยุทธ์มุ่งสร้างโอกาสการลงทุนที่เท่าเทียม พร้อมเร่งเครื่องปรับการทำงานสู่องค์กรรุ่นใหม่ สร้างผู้บริหารนิวเจน ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้วยบริการรูปแบบดิจิทัลเวลท์ ให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา
MST ล่าสุดผนึกยักษ์ใหญ่ที่ปรึกษาการลงทุนระดับโลก บีเอ็นวาย เมลลอน ไอเอ็ม (BNY Mellon IM) ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนทั่วโลกมูลค่ากว่า 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เสริมความแข็งแกร่งด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางร่วมบริหารความมั่งคั่ง ยกระดับพอร์ตลูกค้าสู่การลงทุนแบบไร้พรมแดน
นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์(ประเทศไทย) หรือ MST กล่าวว่า เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจการเงินในประเทศไทยมากว่า 30 ปี มีผลการดำเนินการเติบโตต่อเนื่อง และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจากรุ่นสู่รุ่น โดยล่าสุดยังได้รับรางวัล Best Retail Broker และ Best Institutional Broker ประจำปี 2022 จากเวที Alpha Southeast Asia Awards ในการจัดอันดับสถาบันการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ที่โลกได้เปลี่ยนแปลงไป ความต้องการด้านการลงทุนของลูกค้าก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อธุรกิจได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เดินหน้าปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง
โดยมองเห็นถึงโอกาสในการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งต่อข้อมูลและเพิ่มโอกาสการลงทุนให้กับทุกคนได้อย่างเท่าเทียม จึงเดินหน้าปรับองค์กรภายใต้แนวคิด “Opportunity of Change” มุ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยมุ่งพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่
1. ภาพลักษณ์ (New Brand) MST ได้ทำการ Rebranding เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และค่อยๆปรับภาพลักษณ์ให้ดูสดใส มีชีวิตชีวา เน้นสร้างแรงบันดาลใจเชิงบวก แต่ยังคงความเป็นมืออาชีพที่น่าเชื่อถือ
2. การบริหารงานในองค์กร (New Team and Culture) มีการเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้าสู่องค์กรจำนวนมาก ด้วยโครงการสร้างการทำงานที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ต่างๆได้มีประสิทธิภาพ และปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงานสไตล์พื้นที่เปิดเพื่อเอื้ออำอวยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเน้นความเป็นมืออาชีพสูงสุด
3. การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ (New Investment Solutions) ที่ตอบโจทย์ตรงใจนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการการลงทุนแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่งคั่งและความยั่งยืนให้กับลูกค้าได้
นอกจากนั้น ในส่วนของการบริการยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น “Maybank Invest
(MBI)” เครื่องมือใหม่ที่จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
ต่างๆได้ครบจบใน Application เดียว ครอบคลุมทั้ง หุ้น, กองทุน, ตราสารหนี้ และอื่นๆ
มากมาย ทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังจะมีการนำข้อมูลของลูกค้าในส่วนต่างๆ ผ่านระบบประมวลผลอัจฉริยะ
(AI) เพื่อทำให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และเลือก
ผลิตภัณฑ์การลงทุนได้ตรงตามความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หลากหลาย
ฟังก์ชันด้านการลงทุน เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ และอำนวยความสะดวกให้กับ
ลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้อย่างเป็นทางการภายในไตรมาส
สามของปีนี้
อีกทั้ง เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ยังได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายทางธุรกิจที่
มุ่งสู่ความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 มิติ ได้แก่ การลงทุนที่มั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ผ่านการให้ความรู้ด้านการลงทุนที่ถูกต้องและปลอดภัยทั้งแก่นักลงทุนและประชาชน
ทั่วไป การดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด การสร้างสังคมที่น่าอยู่และ
ยั่งยืน โดยเราสนับสนุนเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนผ่านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่สร้างมลพิษ
ต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมในองค์กร ทั้งนี้
ได้มีการวัดผลด้านความยั่งยืนในระดับโลกภายใต้ธุรกิจในเครือเมย์แบงก์ทั้งหมด
ล่าสุด เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประกาศความร่วมมือกับ บีเอ็นวาย เมลลอน ไอเอ็ม
(BNY Mellon IM) พันธมิตรด้านการลงทุนระดับโลก ภายใต้ความร่วมมือนี้ BNY
Mellon IM จะช่วยมอบความเชี่ยวชาญระดับโลกให้แก่ลูกค้า ผ่านการพัฒนาบริการ
ด้านโมเดลพอร์ตการลงทุน
โดยจะนำเสนอพอร์ตการลงทุน 5 พอร์ตฯ ที่มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน และอีก 5
พอร์ตที่มีระดับความผันผวนที่แตกต่างกัน BNY Mellon IM จะให้การสนับสนุนเมย์
แบงก์ (ประเทศไทย) ในการสร้างและดูแลโมเดลพอร์ตการลงทุนซึ่งรวมถึงการกระจาย
ทรัพย์สิน การบริหารความเสี่ยง และการคัดเลือกผู้จัดการ ซึ่ง เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญดังกล่าวในการคัดเลือกและปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนที่
เหมาะสมกับลูกค้าในตลาดประเทศไทย
มร. โดนี่ ชามซูดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก BMY Mellon
Investment Management กล่าวว่า "ด้วยความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจระดับโลก
ของ BNY Mellon Investment Management มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นำเสนอโซลูชั่น
ด้านการลงทุนที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ความช่วยเหลือและ
สนับสนุนโมเดลพอร์ตการลงทุนสำหรับลูกค้าในประเทศไทย
“ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจบริการให้
คำปรึกษาการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่ง เสริมให้ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มี
ความพร้อมในการนำเสนอข้อมูลทางเลือก เพิ่มคุณค่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่ม
ลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ซึ่งช่วยให้บริษัทได้พัฒนาธุรกิจการจัดการความมั่งคั่งและการ
ลงทุน เดินหน้าตามวิสัยทัศน์สู่การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่หนึ่งในใจคนไทย” นาย
อารภัฏ กล่าว
MST แจ้งผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในไตรมาสแรกของปี
2565 มีกำไรสุทธิ 281.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.76% จากช่วง
เดียวกันของปีก่อน