22 สิงหาคม 2565
3,585

ภัยลงทุน เทรด FOREX เสี่ยงเงินหาย!!

ภัยลงทุน เทรด FOREX เสี่ยงเงินหาย!!
Highlight


ขึ้นชื่อว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน! ภัยการลงทุน Forex แชร์ลูกโซ่ยุคดิจิทัล กลับมาระบาดเป็นระยะ แบงก์ชาติต้องออกโรงเตือนอยู่เสมอ ในไทยมีเพียงธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ล่าสุด FOREX-3D ที่มีดาราดัง พิงค์กี้ สาวิกา เกี่ยวข้อง วงแชร์เสียหายเกือบ 2.5 พันล้านบาท อาศัยการมีชื่อเสียงสร้างความน่าเชื่อถือ หลอกว่าผลตอบแทนสูงและรับประกันเงินต้น


บทเรียนจากการลงทุนใน Forex-3D แชร์ลูกโซ่วงใหญ่

จากคดีดัง Forex 3D ที่มีดาราสาว พิงค์กี้ สาวิกา ไชยเดช และครอบครัวซึ่งมีแม่และพี่ชายเข้าร่วมวง กับพวกรวม 19 คน ถูก พนักงานอัยการสำนักอัยการคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นฟ้อง เมื่อ 19 ส.ค.ในความผิดฐานทุจริต หลอกลวง ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยร่วมกันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยชักชวนลงทุนใน Forex ที่ให้ผลตอบแทนสูง สร้างความเสียหายกับประชาชนกว่า 9,800 คน มูลค่าความเสียหายราว 2.49 พันล้านบาท

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า จำเลยกับพวกรวม 19 คน มีเจตนาทุจริตหลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านระบบเว็บ www.forex-3D.com และแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กในชื่อบัญชี “Apiruk Krub” “Apiruk Kothi” และ “Forex-3D” โดยอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex) และเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60-80 ของผลกำไรที่ได้จากการนำไปลงทุนเทรดค่าเงินและประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 โดยมีช่วงการลงทุนตั้งแต่ 2,000-40,000 ดอลลาร์สหรัฐ

กลลวง-กับดักให้เหยื่อหลงเชื่อ

สาเหตุที่ทำให้คนเข้าไปลงทุนกันมาก จะเห็นได้ว่ามีการเสนอผลตอบแทนในอัตราสูงและที่สำคัญบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้อาศัยโอกาสจากการมีชื่อเสียง ที่เป็นดารานักเเสดง นักร้อง บุคคลในวงการบันเทิง บุคคลในวงการชั้นสูงหรือไฮโซ และรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศ สร้างความน่าเชื่อถือ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ และเมื่อได้รับเงินจาก ประชาชนผู้ร่วมลงทุนไว้แล้ว ได้นำเงินจากประชาชนรายนั้นหรือรายอื่นๆ มาจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หมุนเวียนให้แก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังกล่าว ทำให้ประชาชนผู้เสียหาย หลงเชื่อถูกหลอกลวง 

ทั้งนี้ จำเลยทั้ง19 กับพวกไม่ได้ประกอบกิจการจริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด และธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่เคยมีการให้ใบอนุญาตในประเทศไทยอีกด้วย

แบงก์ชาติเตือนลงทุนในบริษัท Forex เถื่อนเสี่ยงเงินหาย  มีเพียงธนาคารพาณิชย์ กับบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาต

แบงก์ชาติ เตือนประชาชนอยู่บ่อยๆ อย่าหลงเชื่อลงทุน FOREX ชี้มักเป็นการหลวงลวง-มีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ ผู้ประกอบธุรกิจฯที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกม.-เสี่ยงถูกลวงข้อมูล

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เน้นย้ำประชาชนอย่าหลงเชื่อการชักชวนให้ลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ หรือเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FOREX) โดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี เพราะการชักชนให้ลงทุนดังกล่าวมักเป็นการหลอกลวง และมีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ที่ไม่มีการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศจริง ซึ่งนอกจากธุรกิจดังกล่าวจะผิดกฎหมายแล้ว ประชาชนยังมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืนด้วย

ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ ประชาชนจะต้องทำกับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น และปัจจุบันยังไม่เคยให้ใบอนุญาตแก่บุคคลหรือ นิติบุคคลที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อการลงทุนแต่อย่างใด

“การประกอบธุรกิจหรือมีส่วนร่วมกับการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ FOREX ในประเทศไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การให้บริการรับ-ส่งเงินเพื่อให้ประชาชนทำธุรกรรมหรือเพื่อชำระเงินในธุรกรรม FOREX บนเว็บไซต์ ทั้งในและต่างประเทศ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน

ขณะที่บุคคลที่โฆษณาหรือเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ หรือ FOREX กับตน โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย” นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าว

ธปท. ขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนดังกล่าว ที่ผ่านมา การชักชวนให้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศตามที่โฆษณาแอบอ้างมักเป็นการหลอกลวงว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ข้อเท็จจริงมีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งไม่มีการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศจริง อีกทั้ง การทำธุรกรรมในลักษณะดังกล่าว มีความเสี่ยงและยังมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย

ทำความรู้จักกับตลาด Forex

ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยาอธิบายเกี่ยวกับ Forex (Foreign Exchange)ไว้ว่า คือ ตลาดที่ทำการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยราคานั้นจะแปรผันตาม demand และ supply ของแต่ละสกุลเงิน ซึ่งทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ สภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์บ้านเมือง เหตุการณ์ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการประกาศตัวเลขสำคัญ ๆ ของแต่ละประเทศ เช่น อัตราการว่างงาน เป็นต้น เรียกได้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามีความอ่อนไหวต่อปัจจัยรอบข้างค่อนข้างมากเลยครับ

การซื้อขายเงินสกุลใหญ่ ๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP), เยน (JPY) จะมีสภาพคล่องสูงมาก เนื่องจากมีผู้เล่นจำนวนมากและมีการเปลี่ยนแปลงของราคาตลอดเวลา

ในอดีต ผู้เล่นในตลาด Forex จะจำกัดอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินใหญ่ ๆ เช่น ธนาคาร หรือบริษัทประกัน แต่ในปัจจุบัน ด้วยการเข้ามาของระบบการเทรดออนไลน์ นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรา ก็สามารถเข้ามาลงทุนผ่านระบบการเทรดออนไลน์ของบริษัทโบรกเกอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อ/ขายไปยังตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศทันทีที่ได้รับคำสั่ง

ลักษณะเด่นของตลาด Forex

  • เป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดทำการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ การซื้อขายเริ่มตั้งแต่ตลาดเปิดทำการตอนเช้าในออสเตรเลีย เอเชีย ยุโรปและจนจบวันทำการของอเมริกา
  • มีสภาพคล่องสูง เพราะมีคนซื้อ และคนขายจำนวนมาก ทำให้ปริมาณการซื้อขายสูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่น ๆ
  • มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรามีความอ่อนไหวมากต่อปัจจัยรอบตัว ซึ่งนับได้ว่าเป็นโอกาสที่จะใช้ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกัน ก็อาจจะขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
  • ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ในหนึ่งคู่สกุลเงิน นักลงทุนสามารถเปิดได้ทั้งสถานะซื้อ หรือขาย โดยเปิดสถานะซื้อหากคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น และเปิดสถานะขายหากคาดว่าราคาจะลดลง
  • ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างกำไรได้สูงด้วย leverage แต่ในทางตรงข้าม leverage ก็ทำให้ขาดทุนได้สูงมากเช่นกัน
  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น มีหลายโบรกเกอร์ไม่คิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่จะคิดค่าบริการจากส่วนต่างราคา bid / ask หรือที่เรียกว่า spread โดยคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากจะมี spread แคบ

 
โดยการซื้อขาย Forex จะแสดงในรูปคู่ของสกุลเงิน เช่น EUR/USD = 1.105965 หมายความว่า 1 Euro มีค่าเท่ากับ 1.105965 US Dollars การซื้อ EUR/USD จะหมายถึง การซื้อ EUR และขาย USD และในทางตรงกันข้าม การขาย EUR/USD หมายถึง การซื้อ USD และขาย EUR ตัวอย่างการซื้อขายคู่สกุลเงินที่สำคัญ ๆ ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, USD/CAD, USD/CHF, AUD/USD and NZD/USD

เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น เมื่อนักลงทุนในตลาด Forex เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของคู่สกุลเงิน ก็นับเป็นโอกาสในการเข้าทำกำไร เช่น หากคาดการณ์ว่า ค่าเงิน EUR จะอ่อนลงเมื่อเทียบกับ USD นักลงทุนอาจจะสั่งขาย EUR/USD ณ ราคาปัจจุบัน โดยหากการคาดการณ์ของเราถูกต้อง และราคา EUR/USD ลดลง เราก็สามารถทำกำไรโดยการปิดสถานะการขาย ซึ่งกำไรที่ได้จะเป็นส่วนต่างของราคา คูณกับจำนวนหน่วยที่ซื้อ

ตัวอย่าง  จากการคาดการณ์ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งหมายความถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น น่าจะมีผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หรืออีกนัยหนึ่ง EUR/USD น่าจะมีค่าลดลง

ดังนั้น เราจึงตัดสินใจเปิดสถานะขาย EUR/USD ที่ราคา bid 1.10288 จำนวน 10,000 หน่วย และด้วย leverage ที่ 50:1 ทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น คือ (1.10288 *10,000) / 50 = $220.576 (แทนที่จะต้องใช้เงิน $11,028.8) ซึ่งหากการคาดการณ์ถูกต้อง และ EUR/USD มีค่าลดลง เราสามารถปิดสถานะทันที เช่น ที่ราคา ask 1.09052 ในตัวอย่างนี้ เราสามารถทำกำไรได้ (1.10280-1.09052)*10,000 = $122.8

และด้วยลักษณะของ Forex ที่มีความเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว มีสภาพคล่องสูง ทั้งยังสามารถใช้ leverage ทำให้สร้างกำไรได้สูงด้วยเงินลงทุนต่ำ จึงอาจกล่าวได้ว่า การลงทุนใน Forex เหมาะกับนักลงทุนขาซิ่งที่ชอบความเสี่ยงสูง เน้นทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ ตัดสินใจซื้อขายอย่างรวดเร็ว

อ้างอิง : ธนาคารแห่งประเทศไทย (เอกสารแถลงข่าว ตุลาคม 2564), Krungsri Guru

ติดต่อโฆษณา!