23 สิงหาคม 2565
1,309

หุ้นโลกกอดคอกันร่วง จับตาการประชุม Jackson Hole 26 ส.ค.นี้ คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เดือนก.ย.

หุ้นโลกกอดคอกันร่วง  จับตาการประชุม Jackson Hole 26 ส.ค.นี้  คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เดือนก.ย.
Highlight

ตลาดหุ้นโลกนำโดยสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย ร่วงหนักเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังได้รับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อีก 0.75% ในเดือนหน้า ซึ่งเป็นการขึ้นครั้งที่ 3 ของปีนี้  และจับตาทิศทางดอกเบี้ยที่ชัดเจนของ Fed จะแถลงในที่ประชุม Jackson Hole ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 36.15 บาทต่อดอลลาร์ในวันนี้ หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ หุ้นกลุ่มน้ำมันหนุนดัชนีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามยังคงเป็นทิศทางดอกเบี้ย และการเมืองในประเทศไทยโดยเฉพาะการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่ง 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค. หรือไม่


นักลงทุนหันมาคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือน ก.ย. หลังก่อนหน้านี้คาดว่าจะปรับขึ้นเพียง 0.50% ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ Fed หลายรายต่างกล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือน ก.ย.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.15 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 36.09 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ เนื่องจากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ก่อนการประชุมประจำปี Jackson Hole รัฐไวโอมิง ทั้งนี้การประชุมจะมีขึ้นในช่วง 25-27 ส.ค.นี้

สำหรับหัวข้อในการประชุมครั้งนี้เป็นเรื่อง “Reassessing Constraints on the Economy and Policy” โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น. ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ คาดว่าในการประชุมแจ็กสัน โฮลปีนี้ เฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทิศทางอัตรา ดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ของเฟด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

“สกุลเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าหมด สกุลเงินเยนอ่อนค่าเยอะ เนื่องจากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ พุ่งขึ้น เพราะเงินเยนยีลด์ต่ำจึงโดน เทขาย ส่วนยูโรก็อ่อนค่าเยอะเช่นกัน เนื่องจากราคาแก๊สและค่าไฟฟ้าสูงขึ้น เพราะกังวลเรื่องการขาดแคลนพลังงานหากรัสเซียหยุดส่ง แก๊ส”

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.05 – 36.20 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวัน คาดว่าจะผันผวนจากกระแสข่าวการเมืองในประเทศ แต่ยังให้น้ำหนักเรื่องเฟดเป็นหลัก

เงินเยนอยู่ที่ระดับ 137.34 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 136.84 เยน/ดอลลาร์

เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9941 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0005 ดอลลาร์/ยูโร

อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.938 บาท/ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (22 ส.ค.) ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า Fed จะยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (22 ส.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และ ความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในวันนี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเรื่องการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,580.20 จุด ลดลง 214.3 จุด หรือ -0.74%,

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,644.23 จุด ลดลง 12.75 จุด หรือ -0.06% และ

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,274.43 จุด ลดลง 3.36 จุด หรือ -0.10%

นักลงทุนจะจับตาตลาดต่าง ๆ เพื่อประเมินปฏิกิริยาต่อการปรับตัวลงอย่างหนักหน่วงของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงกว่า 600 จุด ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเรื่องการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงประมาณ 2% เช่นเดียวกัน

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2) และ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ค.

ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานเตือนว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษจะพุ่งทะลุ 18% ในเดือน ม.ค. 2566 โดยได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น

ด้านตลาดหุ้นยุโรป ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (22 ส.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับปริมาณก๊าซที่ตึงตัวจากรัสเซีย สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 433.17 จุด ลดลง 4.19 จุด หรือ -0.96% โดยระดับปิดวันนี้เป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,378.74 จุด ลดลง 117.09 จุด หรือ -1.80%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,230.57 จุด ลดลง 313.95 จุด หรือ -2.32% และ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,533.79 จุด ลดลง 16.58 จุด หรือ -0.22%

บริษัทก๊าซพรอมเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (19 ส.ค.) ว่า รัสเซียจะระงับการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปเป็นเวลา 3 วันในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อทวีปยุโรป ซึ่งต้องการเพิ่มปริมาณเชื้อเพลิงก่อนถึงฤดูหนาว

หุ้นยูนิเปอร์ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของเยอรมนีที่นำเข้าก๊าซจากรัสเซีย ร่วงลง 7.7% และหุ้นฟอร์ทัมซึ่งเป็นบริษัทแม่ ร่วงลง 4.4% ซึ่งส่งผลให้ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์

หุ้นเครดิต สวิส ลดลง 0.8% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังแต่งตังนายดิซิท โจชิของดอยซ์แบงก์เป็นประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และแต่งตั้งฟรานเซสกา แมคโดนาห์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ

หุ้นคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส ร่วงลง 0.9% หลังเปิดเผยว่าจะตรึงราคาสินค้า 100 รายการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในการรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในประเทศ

หุ้นซีนีเวิลด์ ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์อันดับ 2 ของโลก ร่วง 21.4% หลังยืนยันยื่นขอล้มละลายตามมาตรา 11 ในสหรัฐฯ

หุ้นอาดิดาสของเยอรมนี ร่วงลง 5.2% หลังเปิดเผยว่า นายคาสปอร์ รอร์สเต็ด ซีอีโอจะลาออกจากตำแหน่งในปีหน้า

จุดสนใจของตลาดจะอยู่ที่การเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซนในวันอังคารนี้ และการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งก่อนของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

สำหรับหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ  1,600-1,630  จุด โดยหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดคือกลุ่มพลังงาน ล่าสุดเมื่อเวลา 12.25 น. ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,619.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.38 จุด หรือ +0.21% มูลค่าการซื้อขายรวม 36,927.53 ล้านบาท

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,650 จุด โดยนักลงทุนวิตกกังวลว่า Fed อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือน ก.ย.นี้ ประกอบกับติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.และตัวเลข PCE ในสัปดาห์นี้

ด้านปัจจัยในประเทศติดตามการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญกรณี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีและจะยังอยู่ในตำแหน่งต่อหรือไม่ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดสัมมนาการลงทุนประจำปี “Thailand Focus 2022” ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค. โดยมีนักลงทุนสถาบันจากทั่วโลกเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลดีต่อการลงทุนโดยรวมของตลาดหุ้นไทย

ติดต่อโฆษณา!