14 กันยายน 2565
998

หุ้น-คริปโทร่วงระนาว กลัว Fed ปรับดอกเบี้ย 1% หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมา 8.3% สูงกว่าคาด

หุ้น-คริปโทร่วงระนาว กลัว Fed ปรับดอกเบี้ย 1% หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมา 8.3% สูงกว่าคาด
Highlight

สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกร่วงหนัก หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 8.3% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 8.1% อย่างไรก็ตามยังต่ำกว่าเดือนกรกฎาคม ที่ 8.5% แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ทำให้คาดว่า Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นขึ้นสูงในระดับ 0.75-1.00% จากก่อนหน้าที่คาดว่าเงินเฟ้อจะลดลง และ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.5% ทำให้มีการขายสินทรัพย์เสี่ยงออกไปทั้งหุ้น คริปโทเคอเรนซี และสินค้าโภคภัณฑ์


สหรัฐรายงานเงินเฟ้อ(CPI) เดือน ส.ค. ที่ 8.3% สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แม้ชะลอจากเดือน ก.ค. ที่ 8.5% แต่ยังสูงกว่าตลาดคาดที่ 8.1%

หลังจากการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวเมื่อคืนวันที่ 13 วก.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงรุนแรง โดยที่ตลาดหุ้น Nasdaq -3%, Bitcoin -5% จากจุดสูงสุดของวัน หลัง CPI ออกมา +8.3% และ Core CPI ออกมา +0.6% จากเดือนที่ผ่านมา หรือสูงกว่าที่คาด x2 เท่า ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มคุยเรื่องโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed   จะขึ้นดอกเบี้ยทีเดียว +1% แล้ว

บริษัทหลักทรัพย์กสิกร (KS) วิเคราะห์ว่าผลจากการที่เงินเฟ้อออกมายังอยู่ในระดับสูง ตลาดมีมุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ  Fed อาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่คาด สะท้อนจาก Fed funds futures  ปรับเพิ่มโอกาส 33% จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ย 100 basis points (bps)ในการประชุม 20-21 ก.ย. จากเดิมคาดจะไม่ขึ้นเกิน 75 bps และคาดโอกาส 67% จะขึ้นดอกเบี้ย 75bps.   

จากการที่เงินเฟ้อสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลดังนี้

1.) US Bond Yields 2 ปี และ 10 ปีปรับขึ้นแรงราว 23bps และ 11 bps ล่าสุดอยู่ที่ 3.79% และ 3.44% ตามลำดับ

KS ประเมินกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Bond yield ขึ้น ได้แก่ กลุ่มธนาคารใหญ่ และประกันชีวิต)


2.) ค่าเงิน USD  แข็งค่าแรงขึ้นมาที่ 109.5 จุด หนุนเงินบาทกลับมาอ่อนค่าราว 1% อยู่ที่ 36.6 บาท

KS ประเมิน กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า คือกลุ่มส่งออก 


3.)ตลาดหุ้นสหรัฐพักฐานแรง  ดัชนี Dow Jones -3.94% จากวันก่อนหน้า (DoD), ดัชนี S&P500 -4.3% DoD, ดัชนี Nasdaq -5.1% DoD โดย Sector ในดัชนี S&P500 ปรับฐานทุก Sector

โดยกลุ่มที่ลงแรง คือ IT -5.35%, Consumer Discretionary -5.22%, Real estate -3.8% ส่วนกลุ่มที่ลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยคือ Health care -3.2%%, Utilities -2.7%, Enegy -2.4%

บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงตามตลาดโลก จะปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาด  จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดของสหรัฐฯ และจะค่อยๆ ล้อตามตลาดต่างประเทศในระหว่างวัน

นักวิเคราะห์ดาโอระบุว่า นักลงทุนทั่วโลก ตกใจกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ออกมาคืนวานนี้(13) สูงกว่าคาดที่ระดับ 8.3% YoY (คาด 8.1%) จึงกังวลว่าเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด จะทำให้การขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป จะเป็น 0.75% และอาจต้องปรับดอกเบี้ยในครั้งต่อๆ ไปขึ้นตามไปด้วย สินทรัพย์ที่อิงดอกเบี้ยจะถูกกระทบ จากความเสี่ยง Recession ที่สูงขึ้น ดัชนี MSCI World Index ปรับตัวลง 3.7% หรือหายไป 1/3 ของที่ขึ้นมาในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นไทยตลาดถูกกระทบผ่านการแข็งค่าของดอลล่าร์ กดดันเงินบาท(เช้านี้ 36.7 บาท/ดอลล่าร์)) แค่คาด 2-3 วันจะจบ เรามองว่านักลงทุนระวังในเรื่องนี้อยู่แล้ว

จับตาดู 2 ผู้นำ สี จิ้นผิง และปูติน ในวันพรุ่งนี้(15) ที่จะมีการพบกันที่อุซเบกิสถาน เรื่องหลัก ๆ ที่ควรสนใจ คือ การซื้อสินค้าพลังงาน แต่ต้องติดตามว่าจะมีการพูดอะไรที่กระทบถึงสหรัฐฯ หรือไม่

สำหรับปัจจัยในประเทศ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาปม 8 ปีของนายกฯ หากข้อมูลเพียงพอ ศาลฯ อาจจะมีการนัดวันเพื่ออ่านคำวินิจฉัย เราคาดว่า ผลตัดสินไม่มีผลลบต่อตลาดอย่างมีนัยยะสำคัญ

กสทช.จะมีการประชุมวันนี้กรณีดีลควบรวมของ TRUE-DTAC ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้น TRUE, DTAC

หุ้นขึ้น XD วันนี้ ได้แก่ BANPU(@0.45), BDMS(@0.30) และ BAREIT เริ่มทำการซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามวันนี้ คือ ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ

Strategy

บล.ดาโอ มองว่าตลาดน่าจะเกิดการตกใจ  ดัชนีฯ มีโอกาสเปิดลงไปถึง 1640 จุด แต่จะเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเพื่อการเก็งกำไรช่วงสั้น ส่วนการซื้อเพื่อเก็บ แนะนำให้รอดูตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนนี้ก่อน (ถ้าลบน้อย จะดีต่อตลาดไทย)

หุ้นที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการซื้อขาย หาก Flow ไหลออกจากตลาด คือหุ้นกลุ่ม Tech และหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อไว้มาก (3 ลำดับแรก ที่ซื้อมากในเดือน ก.ย. BDMS, BH, PTTEP)

หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CKP(10%) , KTB(10%), WICE(10%), BANPU(10%), JMT(10%), RCL*(10%), IVL(10%), GUNKUL(10%)

นักวิเคราะห์จาก บล. กรุงศรี ประเมิน SET ปรับตัวลงแนวรับ 1,635 / 1,620 จุด หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเดือนส.ค.(CPI) +8.3% และ Core CPI +6.3% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้บ่งบอกถึงปัญหาเงินเฟ้อยังคงรุนแรงจึงมีแนวโน้มที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) วันที่  20 -21 ก.ย.จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1% สะท้อนได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US bond yield) พุ่งขึ้น ซึ่งเป็นลบต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับรีบาวด์ขึ้นได้จากแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำหุ้น กลุ่มเดินเรือ PSL TTA รับประโยชน์จากค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัวขึ้น ส่วน  PTTEP TOP SPRC BANPU ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบและถ่านหินทรงตัวระดับสูง และ  KBANK BBL SCB KTB TTB BLA อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น  

ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่1,649.15 จุด ลดลง -11.94 จุด (-0.72%) 18,512.53 ล้านบาท โดยดัชนี SET Index ลดลงต่ำสุด-18.56 จุดและค่อยๆ รีบาวน์กลับมา

ด้านตลาดคริปโทเคอเรนซี อ้างอิงจาก coungecko.com เมื่อเวลา 10.20 น. มูลค่ารวมตลาดคริปโทอยู่ที่ 1.04 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -5.6% ราคา Bitcoin ลดลง -8.3% อยู่ที่ 20,378.15 ดอลลาร์สหรัฐ,  ETH ราคาลดลง -6.2% อยู่ที่ 1,601.63 ดอลลาร์สหรัฐ

ติดต่อโฆษณา!