ตลาดคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% กลางเดือนนี้ กดดัน “หุ้น-ทองคำ” ร่วงต่อ
Highlight
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในวันนี้ตามตลาดต่างประเทศ เนื่องจากกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ที่คาดว่าจะปรับขึ้น 0.5% ในช่วงกลางเดือนนี้ หลังจากที่อัตราการจ้างงานล่าสุดออกมาดีกว่าที่คาด กดดันราคาทองคำ และน้ำมันปรับตัวลง ทางด้านตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นจากข่าวดีการเตรียมเปิดเมือง นักวิเคราะห์มองเศรษฐกิจไทยคึกคักช่วงปลายปี จับตารัฐบาลอนมัติแพกเกจของขวัญปีใหม่
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปรับตัวลงเมื่อวันจันทร์ (5 ธ.ค.) จากความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างไรก็ตาม ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดบวก เพราะได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด
- ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,704.06 จุด ลดลง34 จุด หรือ -0.42%,
- ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,211.70 จุด ลดลง59 จุด หรือ -1.57% และ
- ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,181.92 จุด เพิ่มขึ้น78 จุด หรือ +0.82%
ตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า เฟดอาจเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไปและเป็นระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีภาคบริการและตัวเลขการจ้างงานที่ขยายตัวสูงกว่าคาดในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 56.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 54.4 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 53.1 โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน พุ่งขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 4.6% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
รายงานล่าสุดระบุว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะถึงจุดพีกที่ระดับ 4.984% ในเดือนพ.ค. 2566
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีกำหนดประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้น 0.25%
ในเช้าวันนี้ (6 ธ.ค.) กรุงปักกิ่งประกาศว่าประชาชนไม่จำเป็นต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบเพื่อเข้าพื้นที่สาธารณะ หลังเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นยกเลิกข้อกำหนดการตรวจหาเชื้อ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องการเน้นควบคุมการแพร่ระบาดแบบกำหนดเป้าหมายมากขึ้น แต่ประชาชนยังต้องแสดงผลตรวจเป็นลบ หากต้องการเข้าร้านอาหารและพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บ้านพักคนชรา
ตลาดเงินของจีนจะระงับการซื้อขายเป็นเวลา 3 นาที เพื่อร่วมไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของนายเจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) จะไม่แสดงข้อมูลบนหน้าจอภายนอกตั้งแต่เวลา 9.00 น.ของวันนี้ตามเวลาไทยจนกระทั่งสิ้นสุดช่วงเวลาสงบนิ่งไว้อาลัย นอกจากนี้จะมีการยกเลิกการจัดงานและพิธีการภายนอกต่าง ๆ เป็นเวลาหนึ่งวัน
นักลงทุนต่างชาติรายใหญ่เริ่มวางแผนกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีนซึ่งปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปีนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มสดใสมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักวิเคราะห์ของซิตี้, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเจพี มอร์แกน ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุน และระบุว่า การเปิดเศรษฐกิจของจีนจะสามารถหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งร่วงลงสู่ระดับที่น่าดึงดูดใจ
โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ดัชนี MSCI China และดัชนี CSI300 ของตลาดหุ้นจีนจะให้ผลตอบแทน 16% ในปีหน้า และแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีน ขณะที่เจพี มอร์แกนคาดว่า ดัชนี MSCI China มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น 10% ในปีหน้า
ด้านแบงก์ ออฟ อเมริกา เริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยวินนี วู นักวิเคราะห์หุ้นจีนแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มอินเทอร์เน็ต และกลุ่มการเงิน ซึ่งคาดว่าจะนำตลาดดีดตัวขึ้นในระยะสั้น
ทั้งนี้ มีหลักฐานบ่งชี้การเริ่มฟื้นตัวของหุ้นจีน โดยดัชนีฮั่งเส็งพุ่งขึ้นถึง 27% ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการปรับตัวรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541 ขณะที่เงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2548
โกลด์แมน แซคส์ แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ และกลุ่มธุรกิจของรัฐที่สามารถทำกำไร
ฌอน เทย์เลอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนในเอเชีย-แปซิฟิกของดีดับบลิวเอส ซึ่งคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะทะยานขึ้น 15-20% ในปีหน้านั้นระบุว่า “มุมมองของเราก็คือสะสมหุ้นจีนเมื่ออ่อนตัว, หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับผู้บริโภค”
ทองคำราคาปรับตัวลง หลังแนวโน้ม Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้น
ราคาทองคำ ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์แข็งค่า หลังจากการเปิดเผยดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าคาดไว้ ส่งผลต่อแรงสนับสนุนต่อการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป
สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับราคาวันนี้ (อังคารที่ 6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.32 น. ราคาปรับลงค่อนข้างแรงครั้งเดียว 150 บาทในการเปิดซื้อขายวันแรก ทิศทางเดียวกับทองคในตลาดโลกราคา ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 29,350.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 29,450.00 บาท/บาททองคำ ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 28,819.16 บาท/บาททองคำ และขายออก 29,950.00 บาท/บาททองคำ
ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 1,774.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 35.04 บาท/ดอลลาร์ แนวรับ 1,760 และ 1,750 ดอลลาร์ แนวต้าน 1,780 และ 1,800 ดอลลาร์
ด้านตลาดหุ้นไทยในวันนี้ แกว่งตัวตามตลาดหุ้นในภูมิภาค กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงส่งผลกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
จับตา ตาม.อนุมัติแพกเกจของขวัญปีใหม่
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่าการประชุมครม. วันนี้ ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือไม่ ซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว เปิดเมือง โดยให้แนวรับทางเทคนิคไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งไซด์เวย์คล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากนักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องยาวนาน หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดี โดยสหรัฐฯ ได้มีการเปิดเผยดัชนีภาคบริการและตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งสูงกว่าคาดในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ด้วยปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ปรับตัวลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า อาจกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวลงได้
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยจะยังได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ รวมถึงประเทศจีนก็มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 มากขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและเปิดประเทศ ให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด