09 ธันวาคม 2565
1,887

10 อันดับกองทุนผลตอบแทนดี เดือน พ.ย. 65 กองทุนจีนพาเหรดเข้าวินยกแผง รับการเปิดประเทศ

10 อันดับกองทุนผลตอบแทนดี เดือน พ.ย. 65  กองทุนจีนพาเหรดเข้าวินยกแผง รับการเปิดประเทศ
Highlight

Finansia Wealth รวบรวมข้อมูลจาก Morningstar ผลตอบแทนกองทุนรวมเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา จัดลำดับเฉพาะกองทุนเปิดชนิดผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น ไม่รวมกองทุนลดหย่อนภาษี และกองทุนชนิดพิเศษอื่น ๆ ผลปรากฏว่ากองทุนรวมหุ้นจีนให้ผลตอบแทนสูงสุด หลังจากรัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด และคาดว่าจะเปิดประเทศภายในครึ่งแรกของปี 2566 เงินทุนต่างชาติก็กลับเข้าลงทุนในหุ้นจีนอีกครั้งดันราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

Finansia Wealth เปิดเผยผลการดำเนินงานกองทุนรวมในช่วง 2 พ.ย.-2 ธ.ค. โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Morningstar Thailand ถึงตัวเลขผลตอบแทนรายเดือน ซึ่งจัดลำดับเฉพาะกองทุนเปิดชนิดผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น ไม่รวมกองทุนลดหย่อนภาษี และกองทุนชนิดพิเศษอื่นๆ ซึ่งปรากฏว่ากองทุนรวมหุ้นจีนมีผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการที่กองทุนต่างประเทศทยิยไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีน หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนคลายโควิดมาตรการโควิด และคนดว่าจะเปิดประเทศในปีหน้า

20221209-c-01.jpg

สำหรับ 10 ลำดับกองทุน ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้แก่

1. กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า คอนซูเมอร์ (TCHCON) ให้ผลตอบแทน 29.39% โดยลงทุนในกองทุนหลัก Global X MSCI China Consumer Discretionary ETF ที่ประกอบด้วยหุ้นในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าฟุ่มเฟือย

2. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Active All China Equity (ชนิดสะสมมูลค่า) ให้ผลตอบแทน 29.08% โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของ UBS (LUX) Equity SICAV -All China (USD) ที่มีนโยบายเชิงรุกในหุ้นจีนทั้ง Off-shore และ On-shore

3. กองทุนเปิดยูไนเต็ด ออล ไชน่า อิควิตี้ฟันด์ (UCHINA) ชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปให้ผลตอบแทน 28.88% โดยลงทุนในกองทุนหลัก UBS (Lux)Equity SICAV - All China (USD) l-A1-acc ที่มีนโยบายเชิงรุกในหุ้นจีน

4. กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity (TMBCOF) ให้ผลตอบแทน 28.86% ลงทุนในกองทุน UBS (Lux) Class l-A1ลงทุนเชิงรุกในหุ้นจีน

5. กองทุนเปิดบีแคป ไชน่า เทคโนโลยี (BCAP-CTECH) ให้ผลตอบแทน 27.78% ลงทุนในหน่วยลงทุนของ INVESCO CHINA TECHNOLOGY ETF และ KRANESHARES CSI CHINA INTERNET ETF ที่ประกอบด้วยหุ้นเทคโนโลยีในจีน

6. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไชน่า Technology (ชนิดสะสมมูลค่า) ให้ผลตอบแทน 25.76% ลงทุนในกองทุนหลัก INVESCO China Technology EFF ที่มีนโยบายการลงทุนให้ใกล้เคียงกับ FTSE China

7. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Asia Oppurtunity (ชนิดสะสมมูลค่า) ให้ผลตอบแทน 25.44% ลงทุนในกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Fund -Asia Oppurtunity Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น และ DR ของผู้ออกในทวีปเอเชียไม่รวมประเทศญี่ปุ่น

8. กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี อิควิตี้ (TCHTECH-A) ลงทุนในกองทุนหลัก INVESCO China Technology ETF ที่มีนโยบายลงทุนในผลการดำเนินงาน ให้ใกล้เคียงกับ FTSE China lncl A 25% Technology Capped Index

9. กองทุนเปิดเบอร์ดีน ออลไชน่า ซัสเทนเนเบิล อิควิตี้ ฟันด์ (ABCG) ให้ผลตอบแทน 24.83% ลงทุนในกอทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV l-AllChina Equity Fund ที่มีแนวทางการลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนอย่างยั่งยืน

10. กองทุนเปิด แอล เอช อิควิตี้ ไชน่า ออพพอร์ทูนินี้ ชนิดสะสมมูลค่า (LHCHINA-A ) ให้ผลตอบแทน 24.08% ลงทุนในกองทุนหลัก UBS (Lux) Equity Fund - China Oppurtunity (USD) ที่มีนโยบายเชิงรุกในหุ้นของบริษัทจีน


ความคืบหน้าการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดของจีน ที่เข้มงวดมายาวนาน

สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดและการการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดล่าสุด จีนประกาศไม่บังคับตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกต่อไป หากเกิดติดเชื้อแยกกักตัวที่บ้านได้ หรือแม้แต่ไม่ล็อกดาวน์ทั่วทั้งเมือง ซึ่งหลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้ ประชาชนส่วนใหญ่แสดงความยินดีไม่น้อย เพราะต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่เข้มงวดมาหลายปี

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อ 8 ธ.ค.ว่า จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการส่วนใหญ่ที่ใช้ควบคุมโควิด-19 หลังจากเกิดการประท้วงในหลายพื้นที่ของประเทศ เนื่องจากไม่พอใจการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวที่เข้มงวดเกินไปของทางการ

การผ่อนคลายครั้งนี้มีตั้งแต่ ผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการสามารถแยกตัวที่บ้านได้ แทนการแยกกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ และประชาชนสามารถหาซื้อยาแก้ไข้แก้หวัดได้โดยไม่มีข้อจำกัด ต่างจากก่อนหน้านี้ที่จะถูกบังคับให้ไปที่คลินิกเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19

นอกจากนี้ ระยะเวลาการล็อกดาวน์จะสั้นลง โดยจะปิดแค่พื้นที่ที่เฉพาะเจาะจง แทนการปิดพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดหรือบังคับล็อกดาวน์ทั่วเมือง และจะต้องยกเลิกการล็อกดาวน์หากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน

อีกข้อคือ ประชาชนไม่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ และขนส่งสาธารณะอีกต่อไป และสามารถท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้โดยไม่ต้องแจ้งผลตรวจหาเชื้อภายใน 48 ชั่วโมงและจะไม่ถูกขอตรวจซ้ำที่ปลายทาง

รายงานข่าว ระบุว่างตลาดหุ้นฮ่องกงโดยดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้น 3% ในวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตอบรับข่าวการผ่อนปรับนโยบายปิดเมืองเพื่อคุมเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้กลุ่มบริษัทต่างๆ ที่ได้ประโยชน์เรื่องของการเปิดประเทศปรับตัวขึ้นทันที

แหล่งข่าวในฮ่องกงรายงานว่ารัฐบาลฮ่องกงกำลังทบทวนนโยบายการผ่อนปรมเพิ่มเติม เพื่อเตรียมตัวเปิดประเทศและต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ สอดคล้องกับท่าทีของทางการจีนเมื่อ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ออก 10 มาตรการผ่อนคลายความเข้มงวด การควบคุมโควิด-19 เช่นเดียวกัน

โดยทางการฮ่องกงจะเริ่มทบทวนมาตรการการบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัย และผ่อนปรนการตรวจเชื้อสำหรับนัทท่องเที่ยวภายในประเทศ สร้างความมั่นใจเพิ่มเติมให้แก่นักลงทุนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของประเทศที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ที่มา  : Morningstar, Finansia Wealth

ติดต่อโฆษณา!