10 อันดับกองทุนผลตอบแทนดี เดือน พ.ย. 65 กองทุนจีนพาเหรดเข้าวินยกแผง รับการเปิดประเทศ | ทันข่าว Today
09 ธันวาคม 2565
751

10 อันดับกองทุนผลตอบแทนดี เดือน พ.ย. 65 กองทุนจีนพาเหรดเข้าวินยกแผง รับการเปิดประเทศ

10 อันดับกองทุนผลตอบแทนดี เดือน พ.ย. 65  กองทุนจีนพาเหรดเข้าวินยกแผง รับการเปิดประเทศ
Highlight

Finansia Wealth รวบรวมข้อมูลจาก Morningstar ผลตอบแทนกองทุนรวมเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา จัดลำดับเฉพาะกองทุนเปิดชนิดผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น ไม่รวมกองทุนลดหย่อนภาษี และกองทุนชนิดพิเศษอื่น ๆ ผลปรากฏว่ากองทุนรวมหุ้นจีนให้ผลตอบแทนสูงสุด หลังจากรัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด และคาดว่าจะเปิดประเทศภายในครึ่งแรกของปี 2566 เงินทุนต่างชาติก็กลับเข้าลงทุนในหุ้นจีนอีกครั้งดันราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

Finansia Wealth เปิดเผยผลการดำเนินงานกองทุนรวมในช่วง 2 พ.ย.-2 ธ.ค. โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Morningstar Thailand ถึงตัวเลขผลตอบแทนรายเดือน ซึ่งจัดลำดับเฉพาะกองทุนเปิดชนิดผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้น ไม่รวมกองทุนลดหย่อนภาษี และกองทุนชนิดพิเศษอื่นๆ ซึ่งปรากฏว่ากองทุนรวมหุ้นจีนมีผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการที่กองทุนต่างประเทศทยิยไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีน หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนคลายโควิดมาตรการโควิด และคนดว่าจะเปิดประเทศในปีหน้า

20221209-c-01.jpg

สำหรับ 10 ลำดับกองทุน ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้แก่

1. กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า คอนซูเมอร์ (TCHCON) ให้ผลตอบแทน 29.39% โดยลงทุนในกองทุนหลัก Global X MSCI China Consumer Discretionary ETF ที่ประกอบด้วยหุ้นในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าฟุ่มเฟือย

2. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Active All China Equity (ชนิดสะสมมูลค่า) ให้ผลตอบแทน 29.08% โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของ UBS (LUX) Equity SICAV -All China (USD) ที่มีนโยบายเชิงรุกในหุ้นจีนทั้ง Off-shore และ On-shore

3. กองทุนเปิดยูไนเต็ด ออล ไชน่า อิควิตี้ฟันด์ (UCHINA) ชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปให้ผลตอบแทน 28.88% โดยลงทุนในกองทุนหลัก UBS (Lux)Equity SICAV - All China (USD) l-A1-acc ที่มีนโยบายเชิงรุกในหุ้นจีน

4. กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity (TMBCOF) ให้ผลตอบแทน 28.86% ลงทุนในกองทุน UBS (Lux) Class l-A1ลงทุนเชิงรุกในหุ้นจีน

5. กองทุนเปิดบีแคป ไชน่า เทคโนโลยี (BCAP-CTECH) ให้ผลตอบแทน 27.78% ลงทุนในหน่วยลงทุนของ INVESCO CHINA TECHNOLOGY ETF และ KRANESHARES CSI CHINA INTERNET ETF ที่ประกอบด้วยหุ้นเทคโนโลยีในจีน

6. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไชน่า Technology (ชนิดสะสมมูลค่า) ให้ผลตอบแทน 25.76% ลงทุนในกองทุนหลัก INVESCO China Technology EFF ที่มีนโยบายการลงทุนให้ใกล้เคียงกับ FTSE China

7. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Asia Oppurtunity (ชนิดสะสมมูลค่า) ให้ผลตอบแทน 25.44% ลงทุนในกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Fund -Asia Oppurtunity Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น และ DR ของผู้ออกในทวีปเอเชียไม่รวมประเทศญี่ปุ่น

8. กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี อิควิตี้ (TCHTECH-A) ลงทุนในกองทุนหลัก INVESCO China Technology ETF ที่มีนโยบายลงทุนในผลการดำเนินงาน ให้ใกล้เคียงกับ FTSE China lncl A 25% Technology Capped Index

9. กองทุนเปิดเบอร์ดีน ออลไชน่า ซัสเทนเนเบิล อิควิตี้ ฟันด์ (ABCG) ให้ผลตอบแทน 24.83% ลงทุนในกอทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV l-AllChina Equity Fund ที่มีแนวทางการลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนอย่างยั่งยืน

10. กองทุนเปิด แอล เอช อิควิตี้ ไชน่า ออพพอร์ทูนินี้ ชนิดสะสมมูลค่า (LHCHINA-A ) ให้ผลตอบแทน 24.08% ลงทุนในกองทุนหลัก UBS (Lux) Equity Fund - China Oppurtunity (USD) ที่มีนโยบายเชิงรุกในหุ้นของบริษัทจีน


ความคืบหน้าการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดของจีน ที่เข้มงวดมายาวนาน

สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดและการการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดล่าสุด จีนประกาศไม่บังคับตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกต่อไป หากเกิดติดเชื้อแยกกักตัวที่บ้านได้ หรือแม้แต่ไม่ล็อกดาวน์ทั่วทั้งเมือง ซึ่งหลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้ ประชาชนส่วนใหญ่แสดงความยินดีไม่น้อย เพราะต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่เข้มงวดมาหลายปี

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อ 8 ธ.ค.ว่า จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการส่วนใหญ่ที่ใช้ควบคุมโควิด-19 หลังจากเกิดการประท้วงในหลายพื้นที่ของประเทศ เนื่องจากไม่พอใจการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวที่เข้มงวดเกินไปของทางการ

การผ่อนคลายครั้งนี้มีตั้งแต่ ผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการสามารถแยกตัวที่บ้านได้ แทนการแยกกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ และประชาชนสามารถหาซื้อยาแก้ไข้แก้หวัดได้โดยไม่มีข้อจำกัด ต่างจากก่อนหน้านี้ที่จะถูกบังคับให้ไปที่คลินิกเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19

นอกจากนี้ ระยะเวลาการล็อกดาวน์จะสั้นลง โดยจะปิดแค่พื้นที่ที่เฉพาะเจาะจง แทนการปิดพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดหรือบังคับล็อกดาวน์ทั่วเมือง และจะต้องยกเลิกการล็อกดาวน์หากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน

อีกข้อคือ ประชาชนไม่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ และขนส่งสาธารณะอีกต่อไป และสามารถท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้โดยไม่ต้องแจ้งผลตรวจหาเชื้อภายใน 48 ชั่วโมงและจะไม่ถูกขอตรวจซ้ำที่ปลายทาง

รายงานข่าว ระบุว่างตลาดหุ้นฮ่องกงโดยดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้น 3% ในวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตอบรับข่าวการผ่อนปรับนโยบายปิดเมืองเพื่อคุมเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้กลุ่มบริษัทต่างๆ ที่ได้ประโยชน์เรื่องของการเปิดประเทศปรับตัวขึ้นทันที

แหล่งข่าวในฮ่องกงรายงานว่ารัฐบาลฮ่องกงกำลังทบทวนนโยบายการผ่อนปรมเพิ่มเติม เพื่อเตรียมตัวเปิดประเทศและต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ สอดคล้องกับท่าทีของทางการจีนเมื่อ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ออก 10 มาตรการผ่อนคลายความเข้มงวด การควบคุมโควิด-19 เช่นเดียวกัน

โดยทางการฮ่องกงจะเริ่มทบทวนมาตรการการบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัย และผ่อนปรนการตรวจเชื้อสำหรับนัทท่องเที่ยวภายในประเทศ สร้างความมั่นใจเพิ่มเติมให้แก่นักลงทุนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของประเทศที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ที่มา  : Morningstar, Finansia Wealth

ติดต่อโฆษณา!