14 ธันวาคม 2565
891

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดเหลือ 7.1% นักวิเคราะห์คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยงเพียง 0.25-0.5% ปลายสัปดาห์นี้

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดเหลือ 7.1% นักวิเคราะห์คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยงเพียง 0.25-0.5% ปลายสัปดาห์นี้
Highlight

ตลาดหุ้นบวก รับข่าวเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัว จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการประชุมในคืนนี้ คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 0.25-0.5% ส่งท้ายปี 2565 ราคาน้ำมัน และ ทองคำ พุ่งสูงขึ้น และสัญญาณผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลดลง น่าจะทำให้การลงทุนในช่วงท้ายปีสดใสในระยะสั้น ในขณะที่ระยะกลาง ระยะยาว ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และมีความผันผวนจากสงครามและความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง



ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ตามการคาดการณ์ว่า เฟด จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลง จากรอบก่อนหน้า

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,635.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.16 จุด (+0.56%) มูลค่าการซื้อขายราว 33,792 ล้านบาท

การซื้อขายในช่วงเช้านี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยทำระดับสูงสุด 1,638.88 จุด และต่ำสุด 1,628.17 จุด

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ดีตามตลาดหุ้นทั่วโลก ตอบรับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐเดือน พ.ย.ขยายตัว 7.1% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 7.3% โดยพบว่าราคาสินค้าหลายตัวปรับลดลงมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.65 เช่น ค่าขนส่ง และ บริการด้านการแพทย์ ประกอบกับยังได้แรงหนุนจากหุ้น DELTA ที่ขึ้นมาแรงด้วย

แนวโน้มการลงทุนช่วงบ่าย คาดดัชนีฯ ยังยืนในแดนบวกได้ต่อแต่อัพไซด์ไม่มากแล้ว เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ (14 ธ.ค.) ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ที่ 0.50% แต่ต้องติดตามการส่งสัญญาณเรื่องของดอกเบี้ยระยะยาวด้วย

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในภาคเช้าปรับตัวขึ้นไปกว่า 10 จุด เป็นไปตามตลาดหุ้นทั่วโลก ตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมา 7.1% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดมาก ส่งผลกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หนุนสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นทั้ง หุ้น คริปโทฯ และทองคำ

แต่มองว่าการปรับขึ้นมาของดัชนีอาจไปได้ไม่ไกลมากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังรอติดตามความชัดเจนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มประชุมในคืนนี้จะส่งสัญญาณต่อทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้าอย่างไร ซึ่งทาง บล.ทิสโก้ มองว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยไปสูงกว่า 5% ตลอดทั้งปี 66 เพื่อสกัดเงินเฟ้อให้ลงมาต่ำตามเป้าหมาย ให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกในวันนี้ โดยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองในวันอังคาร (13 ธ.ค.) จากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 28,141.41 จุด เพิ่มขึ้น 186.56 จุด หรือ +0.67%

ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,730.48 จุด เพิ่มขึ้น 134.28 จุด หรือ +0.69% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,180.59 จุด เพิ่มขึ้น 4.26 หรือ +0.13%

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 7.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1%

การที่ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้นบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนก.พ. 2566

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการประชุมนโยบายเศรษฐกิจนัดสำคัญของจีนที่เดิมมีกำหนดเปิดฉากขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่มีรายงานว่าต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในกรุงปักกิ่ง

มอร์แกน สแตนลีย์ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปี 2566 ในวันนี้ (14 ธ.ค.) โดยขณะนี้คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปีหน้าของจีนจะขยายตัว 5.4% จากก่อนหน้านี้ที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 5%

สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาขายปลีกทองในประเทศ (ทองคำ 96.5%) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้บาททองคำละ 200 บาท ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยเปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.29 น.ราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 29,550 บาท ขายออกบาททองคำละ 29,650 บาท ขณะที่ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 29,016.24 บาท ขายออกบาททองคำละ 30,150 บาท

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน & ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 29.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปปรับตัวขึ้น 7.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 6.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี “ต่ำกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1%

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการ “ชะลอตัวของเงินเฟ้อ” และบ่งชี้ว่าการดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อเริ่มเห็นผลแล้ว และนั่นจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดชะลอความแข็งกร้าว (Less Aggressive) ในการคุมเข้มนโยบายการเงินปีหน้า เห็นได้จาก Fed funds futures ที่สะท้อนว่า อัตราดอกเบี้ยสูงสุด (terminal rate) ของเฟดจะแตะ 4.85% ในเดือนพ.ค. ปีหน้า ซึ่งลดลงจากระดับ 4.98-5.00% ในช่วงก่อนการเปิดเผยดัชนี CPI และการคาดการณ์นี้เอง กดดันดัชนีดอลลาร์ให้ร่วงลง 0.94%

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 3.5% จนเป็นปัจจัยหนุนทองให้ทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ที่ 1,824.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น +2.32 ตัน 

ด้านราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.69 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 80.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

ติดต่อโฆษณา!