แบงก์ชาติคาดเศรษฐกิจปี 66 โต 3.7% จากภาคท่องเที่ยวหนุน รัฐบาลเตรียมแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ ช้อปดีมีคืน-เราเที่ยวด้วยกัน
Highlight
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดท่องเที่ยวไทยเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ 66 โต 3.7% ในขณะที่ค่าไฟฟ้าอาจปรับสูงขึ้นกดดันเงินเฟ้อหลุดกรอบ 3% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ผ่านจุดสูงสุด ในไตรมาสที่ 3/2565 ไปเรียบร้อยแล้ว และจะกลับเข้ากรอบ 1-3% ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ธปท. คาดว่าในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยอยู่ที่ 22 ล้านคน และใน 2567 อยู่ที่ 31.5 ล้านคน และคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มมาประมาณไตรมาสที่ 4/2566 อยู่ที่ 1.8 ล้านคน ด้านรัฐบาลคาดว่าเตรียมเสนอแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ประชาชนผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (20 ธ.ค) ทั้งโครงการ “ช้อปดีมีคืน” และ “เราเที่ยวด้วยกัน”
นายสุธัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย และอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามคาด และสอดคล้องกับที่ประมาณการไว้โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ผ่านจุดสูงสุด ในไตรมาสที่ 3/2565 และจะกลับเข้ากรอบ 1-3% ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยน สะท้อนว่าไม่ได้เป็นการอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยต้นปี-ปัจจุบันค่าเงินอ่อนค่าอยู่ที่ 4.5% จากเดิมอยู่ที่ 10% แสดงว่าเงินบาทยังคงมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี ธปท.ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนอาจจะเป็นปัจจัยเข้ามากระทบต่อธุรกิจที่มีหนี้ต่างประเทศสูง และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
หนี้ภาคธุรกิจ-ครัวเรือนฟื้นตัวดีตามลำดับ หากดูข้อมูลหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 40% ของจีดีพี ทั้งในส่วนของภาคธนาคารและภาคเอกชน มีสัดส่วนเท่ากันที่ระดับ 20% ของจีดีพี ภาคธนาคารค่อนข้างมีเสถียรภาพเพราะมีการบริหารจัดการที่ดี และหากโฟกัสหนี้ต่างประเทศของภาคธุรกิจที่มีสัดส่วน 20% ของจีดีพี จากจำนวนบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศมากที่สุด 700 แห่ง พบว่า บริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศเกิน 50% มีประมาณ 20% เท่านั้น
ธปท. คาดอัตราการเติบโต (จีดีพี) ปีนี้อยู่ที่ 3.2% และในปี 2566 อยู่ที่ 3.7% และปี 2567 อยู่ที่ 3.9% โดยแรงส่งสำคัญจะเป็นการท่องเที่ยว การบริโภคเอกชน เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับดีขึ้น ตลาดแรงงานดีขึ้น ทำให้อุปสงค์ภายในประเทศปรับดีขึ้น โดยการบริโภคไตรมาสที่ 3/2565 ขยายตัวอยู่ที่ 6.1% และคาดว่าท่องเที่ยวจะทำให้การบริโภคภาคเอกชนในปี 2566 ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนภาคการส่งออกปีนี้ขยายตัว 7.4% และปี 2566 เหลือเพียง 1%
ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2565 นี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 9.5 ล้านคน จึงมองว่าปีนี้ตัวเลขน่าจะทำได้ตามคาดการณ์และในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 22 ล้านคน จากเดิมอยู่ที่ 21 ล้านคน
เนื่องจากปัจจัยทางด้าน Supply จะลดลง เช่น จำนวนเที่ยวบิน และเครื่องบินที่มีมากขึ้น จะเป็นแรงส่งให้ในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 31.5 ล้านคน อย่างไรก็ดี ธปท.มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มมาประมาณไตรมาสที่ 4/2566 อยู่ที่ 1.8 ล้านคน
สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปีนี้จะอยู่ที่ 6.3% และในปี 2566 อยู่ที่ 3.0% จากเดิมอยู่ที่ 2.6% เป็นผลมาจากราคาไฟฟ้าที่จะปรับขึ้น และในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.1% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้อยู่ที่ 2.6% และปี 2566 อยู่ที่ 2.4% และในปี 2567 อยู่ที่ 2%
เงินเฟ้อได้ผ่านจุดพีคไปแล้วที่ไตรมาสที่ 3 มาจากราคาพลังงาน โดยตัวที่จะเป็นปัจจัยทำให้เงินเฟ้อสูงหรือต่ำ คือ การส่งผ่านต้นทุนหลายด้าน ทั้งค่าไฟ และมาตรการภาครัฐที่จะชัดเจนขึ้นในปี’66
รัฐบาลเตรียมจัดแพกเกจของขวัญปีใหม่
รายงานข่าวกล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ต้องติดตามวาระการประชุมที่น่าสนใจ ทั้งของขวัญปีใหม่ 2566 จากหน่วยงานภาครัฐ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานของประชาชน ดังนี้
▪️ กระทรวงการคลัง เสนอมาตรการช้อปดีมีคืน ที่กำหนดให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการ มาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง วงเงินสูงสุด 40,000 บาท จากร้านค้าทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ ที่มีใบกำกับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 66
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอทบทวนมติ ครม. เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
▪️ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จำนวน 1.5 ล้านสิทธิ งบประมาณราว 5,400 ล้านบาท และการขยายเวลาปิดสถานบริการถึง 04.00 น. ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
▪️ กระทรวงมหาดไทย เสนอมาตรการเร่งด่วนด้านพลังงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนต.ค.-ธ.ค. 65
▪️ กระทรวงพลังงาน เสนอการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบราคาก๊าซปีโตรเลียมเหลว (LPG) โครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตรึงราคาขายปลีก LPG ให้อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค. 66
ทั้งนี้ คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV สำหรับรถแท็กซี่ในโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน ของบมจ.ปตท. (PTT) ส่วนรถยนต์ทั่วไป ปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV เป็น 17.59 บาท/กก. ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 65-15 มี.ค. 66 และการขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติครม. เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 59 เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยุติการดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังน้ำบ้านจันเดย์