สวิส เอเชีย คาดทองคำอาจพุ่งสูงถึง 4,000 ดอลลาร์ในปีหน้า จากความวิตกเศรษฐกิจถดถอย
Highlight
ราคาทองคำมักมักตัวชี้วัดเศรษฐกิจขาลง ความเคลื่อนไหวจะตรงกันข้ามกันค่าเงินดอลลาร์ สวิส เอเชีย แคปิตอล คาดการณ์ราคาทองคำอาจพุ่งสูงถึง 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในปี 2566 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นและความหวั่นวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตามมีผู้ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าเป็นการคาดการณ์ที่สุดโต่งเกินไป ทั้งนี้ในวันอังคารที่ผ่านมาทองคำก็ได้พุ่งแตะ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากดอลลาร์อ่อนค่า ด้าน ฮั่วเซ่งเฮง ของไทย ให้แนวต้านราคาปีหน้าอยู่ที่ 1,900-2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบล่างที่ 1,600.
สวิส เอเชีย แคปิตอล เผยราคาทองคำอาจพุ่งสูงถึง 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในปี 2566 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นและความหวั่นวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ตลาดผันผวน
นายเยิร์ก คีเนอร์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของบริษัทสวิส เอเชีย แคปิตอล กล่าวในรายการ “Street Signs Asia” ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) ว่า ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นไปแตะที่ช่วงระหว่าง 2,500-4,000 ดอลลาร์ในปีหน้า
นายคีเนอร์อธิบายว่า เศรษฐกิจในหลายประเทศอาจต้องเผชิญกับ “ภาวะถดถอยเล็กน้อย” ในไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและทำให้ราคาทองคำน่าดึงดูดขึ้นมาทันที พร้อมเสริมว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์เพียงหนึ่งเดียวที่ธนาคารกลางทุกแห่งมี
ข้อมูลของสภาทองคำโลก (WGC) ธนาคารกลางหลายแห่งได้ซื้อทองคำ 400 ตันในไตรมาส 3/2565 คิดเป็นเกือบสองเท่าของสถิติสูงสุดที่ 241 ตันในไตรมาส 3/2561
นายเคนนี โพลคารี นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสของบริษัทสเลตสโตน เวลธ์ ไม่เห็นด้วยกับคาดการณ์ดังกล่าวที่มองว่าราคาทองคำอาจเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวในปีหน้า แม้อุปสงค์ทองคำจะแข็งแกร่งก็ตาม โดยระบุในรายการ “Street Signs Asia” วันนี้ (22 ธ.ค.) ว่า “ผมไม่คิดว่าทองจะพุ่งไปถึงราคา 4,000 ดอลลาร์ แม้ว่าผมจะอยากเห็นมันพุ่งไปถึงจุดนั้นก็ตาม”
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำพุ่งขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศปรับกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ซึ่งประกาศดังกล่าวทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น 1% เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับตัวลดลงมาเมื่อวานนี้ เนื่องจากดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า ปี 2566 จะเป็นปีที่ดีสำหรับทองคำ หลังจากปีนี้ทองคำเผชิญปัจจัยลบอย่างต่อเนื่อง เช่นการคาดการณ์เศรษฐกิจกิจโลกฟื้นตัวจากอินเดียและจีนที่จะขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่ง 2 ประเทศนี้มีสัดส่วนการซื้อทองคำมากที่สุด รวมกันอยู่ที่ประมาณ 50% ของทั้งโลก โดยเศรษฐกิจอินเดียปีนี้เติบโต 7% ดังนั้นคาดว่าความต้องการซื้อจากอินเดียไม่น่าจะตกลง
ส่วนจีน หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดการฟื้นตัวหนุนการฟื้นตัวของประเทศ ดังนั้นปีหน้าก็น่าจะได้เห็นแรงอัดฉีดที่จะช่วยเหลือภาคเอกชน เพื่อให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว จึงคาดว่าความต้องการในฝั่งธุรกิจจิวเวลรี่และฝั่งการลงทุนจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น
นายธนรัชต์ กล่าวว่า เศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำตามที่คาดกันว่าในปีหน้าสหรัฐจะยุติการขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบในทิศทางไหน ซึ่งก็ต้องดูว่าเงินเฟ้อจะกลับมาอีกหรือไม่ หากสหรัฐคุมเงินเฟ้ออยู่ ก็อาจจะตามมาด้วยเรื่องของเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับราคาทองคำ
สำหรับกรอบราคา กรอบล่างให้ไว้ที่ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบบนที่ 1,900 ถ้าหามีปัจจัยหนุน อาจจะส่งต่อราคาที่แนวต้าน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำแท่งในประเทศ วันนี้ (23 ธ.ค.) เคลื่อนไหวอยู่ที่ 29,422.15 บาท (เมื่อเวลา 12.00)