ดัชนีหุ้นไทยจ่อแตะ 1,700 จุด เงินไหลเข้าแล้วกว่า 2 แสนล้านบาทจากปี 65 ทิสโก้เปิด 3 ธีม เมกะเทรนด์ ปี 66
Highlight
เงินทุนต่างชาติไหลเข้าไทยต่อเนื่อง กว่า 2 แสนล้านบาทจากปี 65 เข้าลงทุนกลุ่ม ธนาคาร ICT บล.InnovestX แนะหุ้นไทยยังได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูมและธุรกิจโรงพยาบาล หุ้นเด่น AOT AU BDMS CRCCPALL GPSC ด้าน บล.ทิสโก้ เปิด 3 เมกะเทรนด์ที่ห้ามพลาดในปี 66 1.High Potential Country เศรษฐกิจ หุ้นจีน เวียดนาม, 2.High Demand Sector ธุรกิจเมกะเทรนด์ หุ้น Healthcare หุ้นเทคโนโลยี 3. High Stability Asset-พันธบัตรสหรัฐ และทองคำ
บล.InnovestX เปิดเผย ทิศทาง fund flow หรือเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องโดยในเดือน ธ.ค. 65 ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นเดือนที่ 3 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ตลอดปี 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2 แสนล้านบาท.
- ต่างชาติลงทุนต่อเนื่องในกลุ่ม ธนาคาร, ICT
- ลดสัดส่วนการถือครองในกลุ่มพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ปิโตรเคมี ขนส่ง
- performance ของดัชนี MSCI Thailand แย่กว่า MSCI APAC ex. Japan ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ดีกว่าในช่วง 3, 6 และ 12 เดือนก่อนหน้า
- ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น consensus มีการปรับลง 0.5% เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และสิงคโปร์ ที่ปรับลง 3.03%, 2.66%, 0.87% และ 0.15%
- ตลาดที่ปรับประมาณการกำไรขึ้นคืออินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง ที่ปรับขึ้น 4.89%, 0.98%, 0.78% และ 0.32% ตามลำดับ
- แนวโน้มตลาดในเดือนม.ค. เดือนแรกของปี 2566 InnovestX มองว่า downside จำกัดแม้จะได้รับอรงกดดันจากเงินเฟ้อยังสูง โดยมีกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1650 และ 1630 จุด ตามลำดับ
- ดัชนีตาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ โดยมีปัจจัยหนุนการเปิดประเทศของจีน ช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการจากภาครัฐ ด้านกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1700 จุด ที่คาดมีโอกาสขึ้นมาทดสอบ
หุ้นเด่นประจำปี 2566 ของ บล. InnovestX
1. AOT เป็นหุ้นได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน
2. AU ความหวานที่เริ่มลงตัว โดยคาดกำไรฟื้นตัวเด่น และกลับมาขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้น
3. BBL ชอบสุดในกลุ่ม จากกำไรที่เติบโตเด่นสุด แต่เป็นธนาคารที่ปลอดภัยสุด (สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ กระทบจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจ และมีการตั้งสำรองในระดับสูง)
4. BDMS กำไรเติบโตอย่างปลอดภัย และผู้ป่วยต่างชาติกลับมาดี จากการเปิดประเทศ
5. CPALL เป็นหุ้นค้าปลีกที่มีการเติบโตโดดเด่น
6. CRC ยังอยู่ในเส้นทางการฟื้นตัว
7. GPSC มองแนวโน้มดีขึ้นในปี 2023 จากการปรับค่า FT ช่วยชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น
8. HANA มองภาพรวมอุตสาหกรรมฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2023
9. SCGP คาดกำไรพลิกกลับมาเติบโตในปี 2023 จากธุรกิจหลัก และการทำ M&A และ
10. SECURE มองปัจจัยกดดันลดลงพร้อมกลับมาเติบโตอีกครั้ง
- InnovestX ประเมินการลงทุนให้น้ำหนักเท่ากันทุกตัวที่หุ้นละ 10% ในสถานการณ์ที่เป็นไปตามคาด และกรณีจีนเปิดประเทศเร็วขึ้น เงินเฟ้อลงเร็วกว่าคาด และความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลาย มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 20%
- หากสถานการณ์แย่กว่าคาด ผลตอบแทนมีโอกาสติดลบได้ 20% เช่นกัน
เมื่อเวลา 12.09 น.ของวันที่ 9 ม.ค 66 ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,689.14 จุด เพิ่มขึ้น 14.22 จุด มูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 4.01 หมื่นล้านบาท
ธ.ทิสโก้เคาะ 3 ธีมลงทุนรับปีกระต่าย
ธนาคารทิสโก้เปิด 3 ธีมลงทุนปีกระต่าย ทั้งสร้างกำไรสวนทางเศรษฐกิจโลก 3 ธีม
1. High Potential Country นำโดย จีน-เวียดนาม
2. ธีม High Demand Sector ชูกลุ่มหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ เทคโนโลยี และหุ้นเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน
3. ธีม High Stability แนะพันธบัตรสหรัฐฯ และทองคำ
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ในปี 2566 จะมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอย ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะลดลงช้ากว่าที่คาด และความเสี่ยงจากการถอนสภาพคล่องของธนาคารกลางต่างๆ แต่ธนาคารทิสโก้มองว่าท่ามกลางวิกฤตล้วนแต่มีโอกาสการลงทุนซ่อนอยู่ และเริ่มมีข่าวดีที่สนับสนุนการลงทุน เช่น ประเทศจีนประกาศเปิดประเทศ เป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจจีนรวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียนฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ขณะที่ราคาหุ้นบางประเทศ และราคาหุ้นบางกลุ่ม ได้ปรับลงมาตลอดปี 2565 ทำให้มูลค่าปรับลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ซึ่ง ในทางสถิติราคาหุ้นมักจะสะท้อนภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ราว 6 เดือนถึง 1 ปี แสดงให้เห็นว่าตลาดได้รับรู้ความเสี่ยงในปี 2566 ไปพอสมควรแล้ว นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนในบางประเทศและบางกลุ่มอุตสาหกรรมยังมีอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงสวนกระแสเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ธนาคารทิสโก้จึงเชื่อว่าปี 2566 จะเป็นปีแห่งโอกาสในการลงทุน และเพื่อให้สะดวกต่อการจัดสรรพอร์ตการลงทุน ธนาคารทิสโก้จึงแบ่งธีมการลงทุนที่มีโอกาสสร้างกำไรสูงในปี 2566 จำนวน 3 ธีม ดังนี้
- High Potential Country เศรษฐกิจ - กำไร บจ.โตสูง ราคาหุ้นไม่แพง
ธนาคารทิสโก้แนะนำให้เน้นลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสวนกระแสการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดีกว่าตลาดหุ้นโลก (Outperform) จะต้องเป็นตลาดหุ้นของประเทศที่เศรษฐกิจยังมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูง มีการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญคือ มีมูลค่า (Valuation) ที่อยู่ระดับต่ำเพียงพอที่จะทำให้เกิดส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) ในการลงทุน ได้แก่ ตลาดหุ้นจีน และเวียดนาม
โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.4% ขณะที่เวียดนามจะขยายตัวที่ 6.2% สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.7% รวมถึงการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ตลาดหุ้นจีนและเวียดนามปี 2566 ก็อยู่ระดับสูงที่ 17.3% และ 13.2% ตามลำดับ สวนทางกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ที่มีการเติบโตของผลประกอบการที่ชะลอตัวลง
- High Demand Sector ธุรกิจเมกะเทรนด์ จำเป็นต่อโลก โตสวนเศรษฐกิจชะลอตัว
ในปี 2566 ช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารทิสโก้แนะนำให้มองหาการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าตลาดโดยรวม โดยควรเน้นลงทุนในกลุ่มที่สินค้าและบริการมีความต้องการในการใช้งานอยู่ในระดับสูงและเติบโตตาม Megatrends ของโลก ตลอดจนมีอำนาจในการปรับราคาสินค้าขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ (Pricing Power) ซึ่งจะส่งผลให้รายได้และกำไรของธุรกิจไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ได้แก่
1. กลุ่มหุ้นเฮลธ์แคร์ ที่ได้อานิสงค์จากสังคมผู้สูงอายุและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า
2. กลุ่มเทคโนโลยีที่มีรายได้ประจำ(Recurring income) จากค่าสมาชิก (Subscription) ของลูกค้าที่ใช้ประจำและยังมีแนวโน้มขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้งาน เช่น คลาวด์ (Cloud Computing) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่เป็นรากฐานสำคัญของภาคธุรกิจตามเทรนด์ของ Digital Tranformation
3. โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ที่เป็นสินค้ามีความจำเป็นและมีความต้องการสูง โดยได้รับแรงหนุนจากภาวะขาดแคลนพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ทำให้แต่ละประเทศพยายามลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมเพื่อเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจเข้าสู่การเป็น Net Zero Carbon
- High Stability Asset สร้างกำไรไม่หวั่นปัจจัยลบ
แนะนำให้ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงในปี 2566 และมีโอกาสได้รับกำไรจากราคาพันธบัตรที่ปรับขึ้น รวมถึงทองคำที่มักจะสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อทรงตัวอยู่ในระดับสูง และสามารถสร้างเสถียรภาพให้กับพอร์ตได้
ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC