16 มกราคม 2566
630

นักวิเคราะห์คาดทองคำจ่อแตะ 1,950 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 8 เดือน หวั่นเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ แผ่วเหลือ 6.5% สัปดาห์ก่อน

นักวิเคราะห์คาดทองคำจ่อแตะ 1,950 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 8 เดือน หวั่นเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ แผ่วเหลือ 6.5% สัปดาห์ก่อน
Highlight

แนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยเริ่มชัด เงินเฟ้อชะลอตัว เงินดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำไต่ระดับขึ้นมาทะลุ 1,900 ดอลลาร์ในรอบ 8 เดือน นักวิเคราะห์ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% ในรอบนี้ หลังเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว  ราคาทองคำจะไปต่อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นหรือไม่ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สหรัฐและจีน จีนและไต้หวัน เกาหลีเหนือ แรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีน และการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ 

  • ราคาทองคำวันศุกร์ปิดพุ่ง $23.50 แตะ high นับตั้งแต่สิ้นเดือนเมษายน 2022 ที่ $1,921.80 อานิสงส์ดอลลาร์อ่อนหลังเงินเฟ้อลดลง กระตุ้นคาดการณ์ Federal Reserve (Fed) ชะลอขึ้นดอกเบี้ย

 

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมทบทวน การขยายช่วงนโยบายควบคุมผลตอบแทนพันธบัตร หรือ Yield Curve Control (YCC) ขึ้นจาก +/-0.25% เป็น +/-0.50% ซึ่งเป็นปัจจัยเหนือความคาดหมายของตลาด

 

  • เจเน็ต เยลเลน รัญมนตรีว่าการกระทรางการคลังสหรัฐ เตือนสภาคองเกรให้เร่งระงับ หรือขยายเพดานหนี้ก่อน 19 ม.ค.นี้เสี่ยง Default ส่วนเงินเยนเยนแข็งค่ารับการคาดการณ์ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทบทวน YCC ในการประชุมสัปดาห์นี้

 

  • ฮั้วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำยืนเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ ทำให้คาดว่าราคาทองคำยังคงสามารถปรับขึ้นได้ต่อในระยะสั้น แต่ให้ระวังการปรับฐานภายหลังเทศกาลตรุษจีน

 

  • ภาพรวมราคาทองคำที่ผ่านมานับตั้งแต่ต้นปียังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 5.26% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนครึ่ง

 

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐได้มีการเปิดเผยดัชนี CPI ที่สะท้อนให้ถึงตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐได้ชะลอตัวลง ส่งผลให้คาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำเข้ามาให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไป

 

  • ประเด็นที่จะมีผลต่อการปรับขึ้น-ลงของราคาทองคำหลังจากนี้คือ ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ประจำปี 2566 ในวันที่ 16-20 ม.ค. ในหัวข้อ  "Cooperation in a Fragmented World"

 

  • WEF ในปีนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างยิ่ง เนื่องจากปีนี้นับว่าเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี และยังถือว่ามีผู้นำทางการเมือง และผู้นำทางธุรกิจทั่วโลกที่มากสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจะมีประมุขของรัฐและผู้นำรัฐบาลเข้าร่วมการประชุมจำนวน 52 คน รัฐมนตรีคลัง 56 คน รัฐมนตรีการค้า 30 คน รัฐมนตรีต่างประเทศ 35 คน และผู้ว่าการธนาคารกลาง 19 คน รวมถึงผู้นำจากองค์กรระหว่างประเทศ 39 คนได้แก่ ผู้นำขององค์การสหประชาชาติ (UN), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์การการค้าโลก (WTO)    นอกจากนี้ ยังมีผู้นำภาคธุรกิจจำนวน 1,500 คน โดยเป็นระดับซีอีโอมากกว่า 600 คน

 

ประเด็นหลักของการประชุม WEF คือ การหารือแนวทางหลีกเลี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย นับว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างมีความกังวลเป็นอย่างมาก ว่าวิกฤติในครั้งนี้จะเป็น Perfect Strom ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงหรือไม่

 

  • มาตรการสต่างๆ การคุมเงินเฟ้อที่ยังคงพุ่งสูง ปัญหาขาดแคลนพลังงานที่ส่งผลต่อราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น หลังจากเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน การแพร่ระบาดรโควิดรอบใหม่จากที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด

 

  • ขณะที่ธนาคารโลกเตือนเศรษฐกิจโลกจะถดถอยในปีนี้   โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 1.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี

 

  • การประชุมWEF จะเห็นทางออกของปัญหา แนวทางหรือทิศทางที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเมินทิศทางตลาด ที่อาจส่งผลเป็นตัวช่วยอีกทางในการคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจโลกในการตัดสินใจลงทุนในตลาดการเงินหรือการลงทุน

 

  • แรงซื้อทองคำของคนจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในช่วง 22 มกราคม เนื่องจากทองคำมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมและธรรมเนียมประเพณีของคนจีน อีกทั้งจีนเป็นประเทศบริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจีนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่จีนเปิดประเทศยังคงใช้เวลาคาดว่าอีกประมาณ 3-4 เดือน

 

  • ภาพรวมของตลาดมีมุมมองของการคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยการคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง0.25% ในการประชุมครั้งแรกของปี2566

 

  • ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง มองว่า ฮั้วเซ่งเฮงคาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยในช่วงแรกให้มองเป้าไปที่ระดับ 1,950-1,965 ดอลลาร์ก่อน แต่ภายหลังเทศกาลตรุษจีน ราคาทองคำอาจมีแรงเทขายออกมา และเริ่มมีการปรับฐานเกิดขึ้นระยะสั้น

 

  • ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,900 ดอลลาร์ และ 1,885-1,895 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,950 ดอลลาร์ และ 1,960-1,965 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,500 บาท และ 29,300 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 29,900 บาท และ 30,000 บาท

 

  • investing.com ระบุว่าประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้อยู่ที่สัญญาณอื่น ๆ ของการชะลอตัวของการเติบโตในประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยจะมีการอ่านค่ารายงานเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ และยูโรโซน การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในจีนและญี่ปุ่นก็อยู่ในจุดสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางญี่ปุ่น หลังจากที่สร้างความประหลาดใจในระหว่างการประชุมเดือนธันวาคม

 

ปัจจัยหนุนราคาทองคำ

  • ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
  • ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สหรัฐและจีน จีนและไต้หวัน เกาหลีเหนือ
  • แรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีน
  • การชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

 

ปัจจัยที่กระทบราคาทองคำให้ลดลง

  • การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น



ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC
ติดต่อโฆษณา!