สินทรัพย์เสี่ยงฟื้น กูรูแนะหุ้นจีน เวียดนาม โดดเด่น
Highlight
เมื่อแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลง ทำให้ตลาดมั่นใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยไม่แรง ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หุ้นจีน เวียดนาม โดดเด่น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปและสหรัฐ กลุ่มทิสโก้ บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.เอ็มเอฟซี แนะนำทยอยลงทุน ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้น Growth หรือธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง จากต้นปีเป็นต้นมา หุ้นจีน ฮ่องกง บวกไปแล้วราว 5%
Tisco Advisory ในกลุ่มธนาคารทิสโก้ ชี้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีทิศทางฟื้นตัว นำโดยจีน และฮ่องกง ส่วนสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวเช่นกัน หลังตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวพร้อมกับ Bond Yield ที่ปรับตัวลง ขณะที่ทองคำเริ่มมีทิศทางราคาปรับขึ้น
- ครึ่งเดือนแรกของปี 2023 ตลาดหุ้นจีน Outperform อย่างโดดเด่น +4.8% (CSI300) เช่นเดียวกับดัชนี HSI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น +7.9% จากประเด็นการเปิดเมืองของจีน
- Bond Yield ที่ปรับตัวลดลงจาก 3.9% สู่ระดับ 3.5% ในปัจจุบัน พร้อมกับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่มีทิศทางชะลอตัว หนุนหุ้นกลุ่ม Growth ให้กลับมาฟื้นตัว สะท้อนจาก NASDAQ Index ที่ปรับตัว +6.6% ได้ในปัจจุบัน
- สำหรับ ทองคำ สถิติย้อนหลัง 30ปี พบว่าในปีที่เงินเฟ้อสูงกว่า 2% (ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 4.3%) ทองคำมักจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจที่สูงราว 10%
- กลยุทธ์การลงทุน เน้นการลงทุนในกลุ่ม High Potential “จีน” และ “เวียดนาม” โดดเด่นสุดในกลุ่ม Tisco ระบุ
- Jitta Wealth แนะลงทุนหุ้นจีน เน้นหุ้นเทคโนโลยี ฤกษ์ดี เพราะจีนเปิดประเทศ การบริโภคฟื้น การผลิตไม่ติดขัด เศรษฐกิจคึกคัก นักลงทุนทางสะดวก
- หุ้นจีนยังพื้นฐานดี หลายบริษัทมีกำไรเติบโตตลอดแม้ต้องเจอมาตรการ Zero Covd และหลายปัญหารุมเร้า
- Jitta Ranking หุ้นจีน ลงทุนหุ้น A-share ในตลาด SSE และ SZSE กระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรมของจีน ผลตอบแทน Back Test 10 ปีเฉลี่ยที่ 11.97%
- Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนในตลาด SSE และ SZSE ความเสี่ยงสูงขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า ผลตอบแทนเฉลี่ย Back Test 10 ปีเฉลี่ยที่ 18.26%
- การลงทุนสามารถลงทุนได้ในรูปแบบกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล หรือซื้อผ่านบัญชีโบรกเกอร์ไทย และนักลงทุนต้องศึกษาความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและสินทรัพย์ทุกอย่างก่อนลงทุน
มุมมองการลงทุนหุ้นเวียดนาม ของ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
- บลจ.กสิกรไทย แนะนำลงทุนระยะกลางถึงยาว (1 ปี ขึ้นไป) ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นเวียดนาม โดยปัจจัยภายในประเทศมีความน่าสนใจทั้งในแง่เศรษฐกิจที่ GDP ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการส่งออก อีกทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ในระดับสูง โดยคาดการณ์ปีหน้าไว้ที่ 18.7%
- เวียดนามยังมีปัจจัยสนับสนุนในการลงทุนระยะยาวจากจำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียน เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
- เวียดนามได้รับอานิสงส์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก ตลอดจนสถานการณ์ช่องแคบไต้หวัน ทำให้ภูมิภาคอาเซียนที่ค่อนข้างเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์ น่าจะได้รับประโยชน์ในระยะยาว
- เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็น frontier market ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย ตลาดจึงมีความผันผวนสูง และอาจมีการเคลื่อนไหวที่สวนทางกับหุ้นโลก หรือตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเดียวกันได้
มุมมองการลงทุนหุ้น จีน เวียดนาม บลจ.เอ็มเอฟซี
นายชาญวุฒิ รุ่งแสงมนูญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วปีนี้เติบโตน้อย เช่น สหรัฐคาดว่า จะชะลอตัวลง โดยโตเพียง 0.4% ในยุโรป คาดว่าจะถดถอยติดลบ -0.1 ถึง -0.2% ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโตแค่ 1.4-1.5%
เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4/65 และอาจไปถึงไตรมาส 2/66 การฟื้นตัวน่าจะช้ากว่าสหรัฐฯ
การลงทุนในตลาดเกิดใหม่จึงน่าสนใจ ทั้งจีน และ เวียดนาม
- จีนมีโอกาสฟื้นตัวก่อนจากการผ่อนคลายมาตรการ Zero Covid เพราะประชากรมีเงินออมสูงพร้อมใช้จ่ายเมื่อเปิดเมือง แนะสะสมหุ้นจีนได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/66
- เวียดนามน่าสนใจจากเรื่องราวการเติบโตที่ดี เติบโตโดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน แต่มีความเสี่ยงเรื่องการจัดการภายใน เมื่อแก้ไขปัญหาผ่านไปได้จะมีความน่าสนใจมากอีกตลาดหนึ่ง
Kasikorn ASSET Management, MFC
ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC