ธอส. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.
Highlight
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี ในรอบ 2 ปี 9 เดือน หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดเมื่อ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา 0.25% ไปอยู่ที่ 1.50% อย่างไรก็ตาม ธอส.ได้จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีการคำนวณเงินงวดให้มีจำนวนเผื่อกรณีมีการปรับอัตราดอกเบี้ยไว้ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว รวมถึงดูแลกลุ่มเปราะบาง ทั้งการลดภาระทางการเงิน การปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบต่อลูกค้า
ธอส. ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี หลัง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.50% ต่อปี เมื่อ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
- นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นครั้งแรกของ ธอส. ในรอบ 2 ปี 9 เดือน มีผลบังคับใช้ 26 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป
- นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดยให้มีผลทันที
- ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 4 ติดต่อกัน รวมปรับขึ้น 1% ต่อปี นับตั้งแต่การปรับขึ้นในเดือนสิงหาคม 2565
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และการเงิน (ALCO) ของ ธอส.จึงได้มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
- ในปี 2565 ธอส. ได้มีการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ มาโดยตลอดเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการช่วยให้ลูกค้าเงินกู้ของธนาคารให้ได้มีเวลาปรับตัวรับกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคต
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับขึ้นมีดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จาก 6.15% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.40% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) จาก 5.75% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้น เป็น 6.00% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 5.90% ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้น เป็น 6.15% ต่อปี
- ทั้งนี้ ธอส. ยืนยันว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลให้ลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารต้องผ่อนชำระเงินงวดเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารได้จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีการคำนวณเงินงวดให้มีจำนวนเผื่อกรณีมีการปรับอัตราดอกเบี้ยไว้ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว
- ธอส. ยังคงตระหนักถึงการดูแลลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติให้ได้รับความช่วยเหลือผ่านมาตรการต่าง ๆ ของธนาคารอย่างเหมาะสมทั้งการลดภาระทางการเงิน การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการเสริมสภาพคล่อง
นักวิเคราะห์มองดอกเบี้ยปรับขึ้น ส่งผลทางลบต่อกลุ่มธุรกิจอุปโภคบริโภค
- บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมอง Slightly Negative ต่อกลุ่ม Consumer Finance ทั้งมีหลักทรัพย์ค้าประกัน (SAWAD, MTC, TIDLOR,THANI, MICRO) และไม่มีหลักทรัพย์ค้าประกัน (KTC, AEONTS)
- กนง.มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด ทำให้ต้นทุนธุรกิจบริษัทในอนาคตมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Consumer Finance ส่งผลให้กำไรในอนาคตลดลง
- ในเบื้องต้นได้ประเมินผลกระทบภายใต้สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นทุกๆ 0.25% กระทบเต็มปีในปี 2566 พบว่าประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของกลุ่มจะมี downside ประมาณ -0.9%
- โดยมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นผลลบระยะสั้น จากช่วงแรกต้นทุนทางการเงินปรับขึ้นเร็วกว่าอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตามสุดท้ายมองว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน จะถูกชดเชยกับการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อ
- ฝ่ายวิจัยโนมูระ พัฒนสิน คงน้ำหนัก NEUTRAL ต่อกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ เพราะปัญหาคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ซึ่งกลุ่มรากหญ้าได้รับผลกระทบมาก
- คาดว่าค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) และ NPL Ratio ยังคงอยู่ระดับสูง กดดันผลประกอบการอีกประมาณ 1-2 ไตรมาส โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นคุณภาพสินทรัพย์กลับมาดีขึ้นช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยภาพรวมกำไรสุทธิปี 2565-2566 คาดที่ 2.66 และ 2.99 หมื่นล้านบาท เติบโต +10% และ +12% ตามลำดับ
- หุ้น Top Pick ของกลุ่มคือ KTC แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 75 บาท และหุ้น THANI แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 5.50 บาทฝ่ายวิจัยโนมูระ พัฒนสิน ระบุ
ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC