24 กุมภาพันธ์ 2566
962

บล.บัวหลวงมอง หุ้นไทยปี 66 มาแรงมีโอกาสทะลุ 1,800 จุด เพิ่มลงทุนหุ้นจีน-ตราสารหนี้ระยะยาว

บล.บัวหลวงมอง หุ้นไทยปี 66 มาแรงมีโอกาสทะลุ 1,800 จุด  เพิ่มลงทุนหุ้นจีน-ตราสารหนี้ระยะยาว
Highlight

บล.บัวหลวง มองการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัว ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ เริ่มลดลง โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะถึงจุดสูงสุดในครึ่งปีแรก กลยุทธ์เน้นกระจายการลงทุน โดยหุ้นไทยเน้น กลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว ยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนต่างประเทศเน้นหุ้นจีน เวียดนาม และหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ รวมทั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์

หลักทรัพย์บัวหลวง ชี้ตลาดหุ้นไทยปี 2566 มีโอกาสวิ่งไปแตะ 1,811 จุด หนุนโดยภาคท่องเที่ยวและการบริโภคฟื้นตัวขณะที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ และทั่วโลก ในระยะยาวอาจปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติและกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 9.5% ขณะที่

  • กลยุทธ์ลงทุนแนะลดการถือครองเงินสด พร้อมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และตลาดหุ้นจีน

  • นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในปี 2566 ว่า มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะวิ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,811 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศอย่างภาคท่องเที่ยวและการบริโภคที่ฟื้นตัวรวมถึงภาคเอกชนที่มีการลงทุนมากขึ้น หลังประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มตัวไปเมื่อกลางปี 2565

  • ขณะเดียวกันยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ และทั่วโลกที่ในระยะยาวอาจปรับตัวลงเข้าสู่ภาวะปกติ

  • ทีมวิจัยหลักทรัพย์บัวหลวงประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ จะแตะระดับสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปี2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75%

  • ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll) ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จะเพิ่มขึ้นถึง 517,000 อัตรา ซึ่งมาจากความต้องการพนักงานบริการด้านการท่องเที่ยว, การแพทย์ และบริการภาคเอกชนอื่น ๆ

  • สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ราคาน้ำมัน หากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรง จากการที่จีนเปิดประเทศและหลายประเทศกลับมาใช้พลังงานพร้อมเพียงกัน อาจทำให้เกิดประเด็นเงินเฟ้ออีกรอบ

  • นอกจากนี้หากเศรษฐกิจหดตัวแรงกว่าคาดจนฉุดราคาน้ำมันลงแรงอาจกระทบกำไรกลุ่มปตท.ถือเป็นปัจจัยเซอร์ไพร์สตลาด ประเมินว่าราคาน้ำมัน West Texas อาจแกว่งตัวในกรอบราคา 70-100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และในปี 2566 ค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันอาจอยู่ที่ 98 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

  • “สำหรับประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยมองว่าเป็นเรื่องที่สามารถบริหารจัดการได้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงขยายตัวได้ ไม่มีอะไรน่ากังวลมากนัก ส่วนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ประเมินไว้ระดับ 2.70% โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากโซนเอเชียที่จะขยายตัวประมาณ 5.2% คาดว่าอาเซียน,จีน, ไทย, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น จะขยายตัวประมาณ 5-5.5%, 5.2%, 4.3%,1.3% และ 1.2% ตามลำดับ ส่วนแถบยุโรปคาดว่าอาจหดตัว 0.2%” นายชัยพร กล่าว

  • ในส่วนของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2566 คาดว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่องประมาณ 9.5% แม้ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4 ปี 2565 อาจหดตัวประมาณ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  และอาจหดตัวประมาณ 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

  • เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยมีแนวโน้มมากกว่าที่ประเมินไว้ระดับ 20 ล้านคน คาดว่าทั้งปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 30 ล้านคน หลังจีนเปิดให้ประชากรเดินทางออกนอกประเทศได้เร็วกว่าคาด

 

หุ้นเด่นปี 66

  • หุ้นกลุ่มโดดเด่นในปี 2566 คือ ค้าปลีก, สื่อโฆษณา, อาหารเครื่องดื่ม, โรงพยาบาลขนาดใหญ่, เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาด

  • โดยธีมการลงทุนมาแรงคือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หุ้น HANA และหุ้น KCE ซึ่งอาจยังคงมีความผันผวนเพราะความกังวลต่อทิศทางผลประกอบการหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยรุนแรงกว่าที่คาด

  • นอกจากนั้นยังมีกลุ่มพัฒนาบริหารและให้เช่าพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างหุ้น CPN ที่มีแนวโน้มค่าเช่าและอัตราการเช่าเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการบริโภคที่ดีขึ้น ส่วนกลุ่มหลีกเลี่ยง คือ อาหาร (เนื้อ หมู ไก่), เดินเรือ โลจิสติกส์ และประกัน

 

กองทุนต่างประเทศ

  • ส่วนการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ แนะนำลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ หรือ DR อ้างอิงดัชนี S&P500 หรือดัชนี Nasdaq เช่นกองทุน B-INNOTECH, NDX01 ที่ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีคุณภาพดีทั่วโลก

  • ส่วนกองทุนหุ้นเวียดนาม แนะกองทุน B-VIETNAM หรือ จะลงทุนผ่านตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ(DR) เช่น FUEVFVND01 อ้างอิง DCVMVN DIAMOND ETF (FUEVFVND.VN) ที่ลงทุนอิงดัชนี VN Diamond หุ้นเวียดนามชั้นนำ และ E1VFVN3001อ้างอิง DCVFMVN30 ETF (E1VFVN30.VN) ที่ลงทุนอิงดัชนี VN30 หุ้นเวียดนามชั้นนำขนาดใหญ่ 30 ตัว ก็ถือเป็นอีกทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ

  • สำหรับการลงทุนในตลาดจีน-ฮ่องกงแนะนำ CN01อ้างอิง ChinaAMC CSI 300 Index ETF (3188.HK) ที่ลงทุนอิงดัชนี CSI300 หุ้น A-Shareชั้นนำขนาดใหญ่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น 300 ตัว และ CNTECH01 อ้างอิง ChinaAMCHang Seng TECH Index ETF (3088.HK) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี Hang Seng TECH หุ้นเทคโนโลยีจีน-ฮ่องกงขนาดใหญ่และจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง 30 ตัว

  • การจัด Asset Allocation ในปี 2566 แนะลดการถือครองเงินสด, เงินฝากระยะสั้นและตราสารหนี้ระยะสั้นโดยให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวทั่วโลกที่ 14%, ตราสารหนี้ระยะสั้น 16%, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์9% และตลาดหุ้นจีน 7%

  • นอกจากนั้นยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ (ดัชนี S&P500) 13%, หุ้นสหรัฐฯ (ดัชนี Russell 2000) 5%, หุ้นไทย (SET100) 7%, หุ้นเวียดนาม 12% และทองคำ 12%

  • ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ตลาดหุ้นจีนและเวียดนามยังคงโดดเด่น ส่วนหุ้นไทย Upside เหลือน้อยประมาณ 7.8% จากระดับดัชนีแถว 1,680 จุด ลบ.บัวหลวง แนะหาโอกาสสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะดัชนี NASDAQ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนประมาณ 15-20%

  • โดยในช่วงกลางปี 2566 เราจะกลับมาทบทวนพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง ซึ่งอาจเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากเฟดส่งสัญญาณเรื่องดอกเบี้ยชัดเจน บล.บัวหลวง ระบุ



ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC
ติดต่อโฆษณา!