03 มีนาคม 2566
569

ดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีโอกาสแตะ 6% จะกดดันตลาดหุ้นร่วง 5% จากระดับปัจจุบัน

ดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีโอกาสแตะ 6% จะกดดันตลาดหุ้นร่วง 5% จากระดับปัจจุบัน
Highlight

เมื่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมกลับมาเร่งตัว ขณะที่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ยอดขายบ้านเติบโต การว่างงานลดต่ำลงมาก แสดงว่าเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มสูงต่อไป ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐจำเป็นต้องให้ยาแรงต่อไป นั่นคือการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งอาจจะถึง 6% เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ดังนั้นเงินทุนจะไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง และกดดันตลาดหุ้นร่วงได้ถึง 5% ในระยะข้างหน้า


นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ระบุว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ เริ่มกลับมาเร่งตัวขึ้น ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง เช่น ดัชนีราคาผู้ผลิตสูงกว่าคาด ตัวเลขการว่างงานต่ำสุดในรอบ 50 ปี ยอดขายบ้านและรถก็มีแนวโน้มฟื้นตัว 

  • สะท้อนว่าความพยามของFed ในการควบคุมเงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงมาตลอดช่วงปีที่ผ่านมานั้นอาจยังไม่เพียงพอและFed อาจจำเป็นต้องปรับทิศทางนโยบายการเงินให้เข้มงวดเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งคณะกรรมการ Fed หลายท่านก็เริ่มสั่งสัญญาณไปในทิศทางดังกล่าว
      
  • ทั้งนี้จากการคำนวณโดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้โดยอิงตาม Taylor rule ชี้ว่า หากเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4% ไปตลอดทั้งปีนี้ Fed อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยไปถึงระดับ 6% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้สำเร็จ 

  • หากFed ขึ้นดอกเบี้ยไปถึง6% ก็จะมีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐฯ (Bond yield) จะเพิ่มขึ้นไปถึง 4.1% ส่งผลกดดันต่อมูลค่าหุ้น (Valuation) ให้ลดลงราว 5% จากระดับปัจจุบัน  

  • นอกจากนี้ปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง โดยดัชนี S&P500 เทรดอยู่ที่ระดับ P/E ราว 18 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ยกเว้นช่วงฟองสบู่ดอทคอมในปี 2543 และช่วงโควิดในปี 2563 ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นที่จำกัดและมีความเสี่ยงขาลงมากกว่า 

  • บล.ทิสโก้ แนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสที่Bond yield กลับมาปรับขึ้นหาจังหวะในการเข้าลงทุนในตราหนี้สหรัฐฯ ระยะยาว เพื่อล๊อกผลตอบแทนในช่วงที่ Bond yield เข้าใกล้ระดับ 4% 

  • ตามประมาณการเศรษฐกิจล่าสุดในเดือนธันวาคมFed คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงไปที่ระดับ3.5% ปลายปีนี้ และ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยไปที่ระดับ 5.25% และคงไว้ไปตลอดทั้งปี แต่หากอัตราเงินเฟ้อไม่ลดลงตามที่คาด Fed ก็อาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปสูงกว่าที่เคยส่งสัญญาณ,  นายคมศร ระบุ

  • ทั้งนี้ หากเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ4% ไปตลอดทั้งปีนี้จากการคำนวณของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้โดยอิงตาม Taylor rule ชี้ว่า Fed อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยไปถึงระดับ 6% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้สำเร็จ 

  • “เราประเมินว่าหากFed ขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 6% Bond yield สหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นไปถึง 4.1% ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อ Valuation ของตลาดหุ้นให้ลดลงราว 5% จากระดับปัจจุบัน” นายคมศรกล่าว 

ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ

🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC



ติดต่อโฆษณา!