ตลาดคาด Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในวันพรุ่งนี้ และเตรียมรับประกันเงินฝาก 100% เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
Highlight
ทุกสายตาจับจ้องไปที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในคืนนี้ ว่าจะตัดสินใจเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร ท่ามกลางวิกฤตธนาคารล้ม และมีรายงานออกมาว่า มีอีกกว่า 180 ธนาคารที่อาจมีปัญหาสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม Fed ยืนยันการคุ้มครองผู้ฝากเงินแบบ 100% สำหรับทิศทางดอกเบี้ยนั้นตลาดฯคาดว่า Fed จะต้องขึ้น 0.25% เพื่อตรึงเงินเฟ้อไว้ ทั้งนี้การลงทุนในตลาดหุ้นไม่คึกคักมากในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเฝ้าติดตามทิศทางดอกเบี้ยที่จะประกาศในคืนนี้ก่อน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแพร่รายงานคาดการณ์ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FOMC ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 มี.ค.ซึ่งตรงกับช่วงเช้าวันที่ 23 มี.ค. (เวลาประเทศไทย) โดยระบุว่า "ในการประชุม FOMC รอบนี้คาดว่า Fed น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.75-5.00% หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ. ยังอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มชะลอตัวลง
- อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นธนาคารสหรัฐฯ เผชิญปัญหาสภาพคล่องและต้องปิดกิจการลง เฟดมีแนวโน้มที่จะให้น้ำหนักต่อประเด็นด้านเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะลดความแข็งกร้าวลง
- ในขณะที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ Fed จะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00% โดยหลังจากสถานการณ์การปิดตัวลงของบางธนาคารในสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดมุมมองของตลาดถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อภาคธนาคารสหรัฐฯ
- ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หาก Fed ระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจยิ่งก่อให้เกิดความผัวผวนในตลาดการเงิน โดยจะยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่าเฟดมองประเด็นนี้เป็นปัญหาใหญ่จึงจำเป็นต้องระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายออกไปก่อนแม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง
- นอกจากนี้ ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ คาดว่า Fed จะส่งสัญญาณให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดการเงินว่าประเด็นธนาคารสหรัฐฯ ที่เผชิญปัญหาสภาพคล่องและต้องปิดกิจการลงนั้นยังสามารถควบคุมได้ และจะไม่ลุกลามจนก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบในวงกว้าง เพื่อลดความวิตกกังวลของตลาด
- อย่างไรก็ดี เนื่องจาก Fed คงต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น ดังนั้น ยังต้องติดตามการส่งสัญญาณถึงเส้นทางดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนอยู่สูง โดยคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดการเงินสหรัฐฯ ตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่ออกมา รวมถึงมุมมองของ Fed เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
- ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวของ Fed ในช่วงที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้ธนาคารสหรัฐฯ 3 แห่งเผชิญปัญหาสภาพคล่องและปิดกิจการลง ซึ่งสะท้อนว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวของ Fed ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลในการกดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคภายในสิ้นปีนี้จึงมีมากขึ้น ซึ่งหากเฟดให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ หรืออาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้"
- บล.เอเซีย พลัส คาดดัชนีหุ้นไทยภาคบ่ายนี้แกว่งออกข้างตามกรอบ 1,580-1,586 จุด จากนักลงทุนอยู่ในช่วงรอความชัดเจนผลการประชุมเฟด ซึ่งเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ 0.25% และติดตาม FOMC Dot Plot ต่อมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยฯระยะถัดไป ล่าสุดตลาดคาดว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯจะทำจุด Peak ในช่วง 5-5.25% ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ สะท้อนการใกล้จบรอบวงจรดอกเบี้ยฯขาขึ้น
- นอกจากนี้ติดตามถ้อยแถลงของประธาน Fed ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่ใช้เรียกความเชื่อมั่นต่อปัญหาระบบสถาบันการเงินสหรัฐฯ หากการประชุมออกมาในโทนข้างต้นมองเป็นบวกต่อสินทรัพย์ตลาดหุ้นได้อีกระยะ
- กลยุทธ์การลงทุนชอบหุ้นกลุ่ม Domestic Consumption ได้แก่หุ้น HMPRO, CRC และ SNNP หุ้นได้ประโยชน์จาก Election Rally ได้แก่หุ้น ADVANC , CBG , THANI และ JMT หุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่น่าจะฟื้นกลับ PTTEP
- ด้านบล.โกลเบล็ก คาดดัชนีหุ้นไทยภาคบ่ายเคลื่อนไหว Sideways Up จากแรงหนุนของปัจจัยทางเทคนิค ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อติดตามผลการประชุม Fed ในคืนนี้ก่อนเข้าลงทุนเพิ่มเติม หากในวันนี้ไม่ปิดต่ำกว่า 1,575 จุดยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยช่วงบ่ายมีแนวรับที่ 1,575 จุด และแนวต้านที่ 1,590 จุด
- ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้า ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อ ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ แรงซื้อมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี โดยนักลงทุนติดตามการรายงานผลการประชุม Fed ในคืนนี้ ส่งผลให้ดัชนีพักเที่ยงปิดตลาดที่ 1,584.42 จุด +7.24 จุด หรือ +0.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,136 ล้านบาท
- และล่าสุดโดยดัชนี SET Index เมื่อเวลา 14.37 นาที (22 มี.ค.) เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,582.35 จุด +5.17 (+0.34%) มูลค่าการซื้อขาย 31,524 ล้านบาท หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดได้แก่ PTTEP +2.14%, KBANK -1.14% และ ADVANC -0.47%
ติดตาม ทันข่าวToday ช่องทางอื่น ๆ
🔺 Website : https://www.thunkhaotoday.com/
🔺 Facebook : https://www.facebook.com/thunkhaotoday
🔺 Line Today : https://bit.ly/3ifSuDr
🔺 ติดต่อโฆษณา : https://line.me/ti/p/9mjGVL4nhC