ออมเงินกับ “กอช.” กับโอกาสรับเงินบำนาญตลอดชีพ
Highlight
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดตั้งขึ้นเพื่อการออมเกษียณอายุของกลุ่มคนอาชีพอิสระ เช่น กลุ่มชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา พ่อค้าแม่ค้า รวมไปถึงนักเรียนนักศึกษา ที่สามารถเริ่มต้นการออมเพื่อการเกษียณอายุได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีเป็นต้นไป โดยที่รัฐบาลร่วมสมทบการออมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ไปจนถึง 100% เมื่ออายุ 50-60 ปี โดยมีเงื่อนไขห้ามถอนเงินก่อนอายุ 60 ปี แต่สามารถพักการออมได้บางช่วงเวลาโดยไม่ผิดเงื่อนไข โครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทย
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ โดยมีประชากรที่อยู่ในช่วงสูงวัยเกินกว่า 20% ดังนั้นการออมเพื่อการเกษียณอายุ จึงเป็นเรื่องสำคัญ
- คุณจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวถึง การออมเพื่อการเกษียณอายุที่เป็นระบบ เช่น กองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กบข.เป็นระบบการออมเงินของข้าราชการและรัฐบาลช่วยเงินสมทบ ได้รับเงินตอนอายุ 60 ปี กองทุนประกันสังคม เป็นการออมภาคบังคับถ้าทำงานในภาคเอกชน และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงออมเงินและร่วมสมทบ
- กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มชาวบ้าน ชาวไร่ชาวนา พ่อค้าแม่ค้าที่สามารถร่วมสมทบ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีการออมเพื่อเกษียณอายุ
- ดังนั้นในส่วนนี้ กอช.จะมีตอบโจทย์ตรงนี้ การออมเพื่อเกษียณอายุเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องคิดถึงว่า เราต้องใช้ชีวิตอย่างไรหลังอายุ 60 ปี ต้องใช้เงินเท่าไหร่จึงเพียงพอในการดำรงชีวิตแต่ละวัน
- ถ้าสมมุติว่าเราต้องใช้เงินเดือนละ 9,000 บาท หนึ่งปีจะต้องใช้ราว 108,000 บาท ถ้าอายุเฉลี่ยเราอยู่ที่ 80 ปี แสดงว่าหลังเกษียณอายุ เราต้องมีเงินราว 2 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำรงชีพ
- ดังนั้น กอช.จึงรณรงค์ให้คนทุกอาชีพต้องเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ เพราะเมื่อเราอยู่ในช่วงสูงวัยหลังเกษียณแล้ว ต้องคิดว่าใครจะเป็นคนดูแลเรา ซึ่งในเรื่องนี้ เราต้องให้สังคมตระหนักในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
- การออมเงินสามารถออมได้ทุก เพศและวัย ตั้งแต่ระดับนักเรียน นักศึกษา ซึ่งผู้ปกครองต้องเข้าใจว่า การออมหรือการลงทุน ที่สำคัญต้องมี 3 องค์ประกอบคือ เวลา เงินลงทุน และ ผลตอบแทนจากการลงทุน
- การออมเงินกับ กอช.ทำได้ง่ายมาก โดยเริ่มต้นการได้ตั้งแต่เงินจำนวนน้อยเพียง 50 บาทต่อครั้ง สูงสุด 30,000 บาทต่อปี
- ช่วงอายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ครึ่งหนึ่งของเงินออม หรือสูงสุดไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี โดยรัฐสมทบให้ในเดือนถัดไป สมมุติว่า เดือนนี้ เด็กคนหนึ่งมีการออมเงิน 100 บาท เดือนถัดไปรัฐร่วมสมทบครึ่งหนึ่ง เมื่อรวมกันก็จะเท่ากับ 150 บาท
- เมื่ออายุถึง 30 ปี รัฐบาลก็จะให้สมทบเพิ่มขึ้นเป็น ไม่เกิน 80% ของเงินออม แต่ไม่เกิน 1,800 บาทเช่นกัน เมื่อถึงช่วงอายุมากกว่า 50-60 ปี รัฐร่วมสมทบ 100 %
สำหรับสิทธิประโยชน์ของสมาชิก ประกอบด้วย
- การนำเงินออมไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี
- ได้รับการค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุน
- ได้รับเงินบำนาญรายเดือนตั้งแต่อายุ 60-80 ปี หรือตลอดชีพ สูงสุด 12,xxx บาทต่อเดือน
- ไม่จำเป็นต้องออมเท่ากันทุกปี
- ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหรือสวัสดิการอื่นจากรัฐ ตามเกณฑ์ที่กำหนด
- ถ้าสมมุติว่าเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 15 ปี ไปจนถึงอายุ 80 ปี จะมีเงินออมทั้งสิ้น 3.5 ล้านบาท
- ข้อดีของการออมกับ กอช คือการที่รัฐบาลคุ้มครองผลตอบแทนให้สมาชิกด้วย ถ้าหากสมาชิกอายุเกิน 60 ปีแล้ว ผลตอบแทนเกิดขาดทุน ก็มีสูตรการให้ผลตอบแทนโดยนำเอาดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารขนาดใหญ่ 6-7 ธนาคาร มาหาค่าเฉลี่ยเพื่อกำหนดเป็นผลตอบแทนให้ ซึ่งมีข้อดีคือไม่ต้องรับภาระผลขาดทุนหากเกิดขึ้น
แผนงานของ กอช. ในปีนี้เป็นอย่างไร ?
- กอช.ทำงานอย่างเข้มข้นร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง ในการให้ความรู้กับชาวบ้าน ความรู้ในการจัดสรรเงิน แหล่งที่มาเงินออม รวมทั้งการแก้หนี้ การบริหารจัดการหนี้
- นอกจากนี้ยังได้ผลักดันให้มีการเรียนรู้ทางวิชาการ ทางด้านการออมการลงทุนไปถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวการออมการลงทุน การจัดสรรเงิน ตั้งแต่ช่วงเยาว์วัย
เป้าหมายและแผนงานของ กอช. ในปีนี้ มีอะไรบ้าง ?
1. ลงพื้นที่สถานศึกษา กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อปูพื้นความรู้เป็นสิ่งสำคัญ
2. สอนเด็กเรื่องการออม
3. เรื่องของเวลา ต้องออมก่อนใช้ เพื่อให้มีเวลามากพอในการออม ให้ตระหนักว่าการจัดการเงินตัวเองสำคัญที่สุด
ช่องทางในการเงินสมทบ กับ กอช. ทำอย่างไร ?
1. ตรวจสอบสิทธิ์ จะต้องไม่เป็นบุคคลที่เป็นเป็นสมาชิกของกองทุน กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม
2. สมัครผ่าน ไลน์แอด @ nsf.th หรือธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เคาเตอร์เซอร์วิส แอปเป๋าตัง เป็นต้น
เงื่อนไขเดียวที่ควรรู้ คือ ถ้าลาออกก่อนอายุ 60 ปี รัฐบาลจะเรียกเงินออมคืน ถือว่าผิดเงื่อนไข แต่ถ้าหากเป็นกรณีเสียชีวิต ก็จะคืนทายาทเป็นเงินก้อน กรณีทั่ว ๆ ไปเมื่อเกษียณ จะรับคืนเป็นบำนาญเท่านั้น
ถ้าหยุดออมชั่วคราว ทางรัฐก็หยุดสมทบเช่นกัน แต่ไม่ได้ผิดเงื่อนไขใด สถานะการเป็นสมาชิกก็ยังคงอยู่ เพียงแต่อย่าถอนเงินก่อนอายุ 60 ปี
ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สมาชิกขอลาออก โดยมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินจึงถอนออกไปบ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความพร้อมก็สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้ตลอดเวลา
“การออมเป็นเรื่องสำคัญทุกคนต้องจัดสรรเงินออมอย่างน้อย 20% เพื่อเอาไว้สำหรับการเกษียณอายุ หรือเพื่อสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน” คุณจารุลักษณ์กล่าวทิ้งท้าย
ช่องทางการติดต่อ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
LINE: @nsf.th
Facebook: กองทุนการออมแห่งชาติ - กอช.
Website: www.nsf.or.th
สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000