08 สิงหาคม 2566
797

ค้นหาธีมลงทุนที่ใช่ในครึ่งปีหลัง !! เมื่อการเมืองไม่นิ่ง

สถานการณ์การลงทุนเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ทั้งปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ และปัจจัยภายนอกทำให้หุ้นไทยยังคงมีผลตอบแทนติดลบนับจากต้นปี 

คุณวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ปีนี้ต้นปีคาดว่าหุ้นไทยจะดี โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้ง ธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 3.3% นักท่องเที่ยวกลับมาทะลุ 2 ล้านคนต่อเดือน เมื่อปลายปี 2565 แต่การเลือกตั้งค่อนข้างผิดคาด จากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า  ทำให้ตลาดหุ้นแย่ในช่วงครึ่งปีแรก และต่อในไตรมาสที่ 3 

ถ้าท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว รัฐบาลใหม่มีนโยบายจะกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน เศรษฐกิจก็จะไปต่อได้ 

20230808-a-01.jpg

มีประเด็นรอลุ้นรัฐบาลใหม่อยู่ 2-3 เรื่อง ที่เป็นปัจจัยภายในประเทศที่ส่งผลกับเศรษฐกิจ มีดังนี้

▪️ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ 

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติกับเศรษฐกิจไทย -ปีนี้ต่างชาติขายไปราวแสนล้านบาท หากนักลงทุนต่างชาติกลับมามีความเชื่อมั่น ก็จะมีเงินทุนไหลกลับ

▪️ การจัดทำงบประมาณล่าช้า เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจะน้อย 

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล แสดงถึงความไม่แน่นอน แต่นักลงทุนต่างชาติอาจสนใจทีมเศรษฐกิจใหม่ เขาต้องการเห็นรัฐบาลที่มีทีมงานที่น่าเชื่อถือ สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้หลังจากสถานการณ์โควิดผ่านไป

ปีนี้ท่องเที่ยวดี แต่ก็ต้องพึ่งการบริโภคในประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐ การส่งออก ซึ่งต้องอาศัยเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน 

ทีมเศรษฐกิจที่อยากเห็นคือ มีนโยบายในการกระตุ้นการบริโภค การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ได้ 

▪️ ปัจจัยภายนอก

ทางธนาคารกรุงศรีฯ มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย และน่าจะขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปี และอาจจะลดปีหน้า เป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้น จะเห็นได้ว่าหุ้นเทคโนโลยีขึ้นไปพอสมควร ในครึ่งปีหลังหุ้นสหรัฐ กลุ่ม Growth น่าจะมีโอกาส ไปต่อได้  ดอกเบี้ยขึ้นมาสุดท้ายเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มนี้ ทั้งหุ้นเทคโนโลยี และ AI 

ดังนั้นหากเรากระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ หรือย้างก็จะเป็นการกระจายการลงทุนที่ดี 

สำหรับ Emerging Market ในครึ่งปีหลัง เช่น จีน จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ สำหรับใครที่ยังไม่มีหุ้นจีน  อาจจะเป็นจังหวะที่ดีเข้าลงทุน เพราะราคาค่อนข้างถูก

เวียดนามลลลเป็นตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวได้ดี จากการท่องเที่ยว และ FDI แม้มีความเปราะบางคล้ายจีน คืออสังหาริมทรัพย์ แต่เริ่มเห็นเงินทุนไหลเข้า จึงควรเพิ่มน้ำหนักในหุ้นเวียดนามบ้าง 

20230808-a-03.jpg


▪️ แนะนำพอร์ตการลงทุน 

ใน 100 บาทควรลงทุนใน Core Port 80% กระจายการลงทุน 2 มิติ กระจายหลายสินทรัพย์ เช่นตราสารหนี้ หุ้น 

กระจายการลงทุนทั่วโลก เช่น ตราสารหนี้ไทย และตราสารหนี้ต่างประเทศ หุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ ถ้าไม่กระจายมากพอ พอร์ตเราจะไม่ค่อยดี แนะนำว่าควรกระจายไปทั่วโลก 

อีก 20% เป็น Satellite Portfolio ลงทุนเป็นรายประเทศหรือ Sector เพิ่มเติม ไใ่ควรเกิน 20% เช่นกลุ่ม เทคโนโลยี หรือ AI

20230808-a-02.jpg

หุ้นจีน หุ้นไทย ไม่น่าจะลงไปมากกว่านี้ แนวรับหุ้นไทยน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,400 จุดปลายๆ แนะนำหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธนาคาร ซึ่งให้ปันผลสูง 6-8% 

20230808-a-04.jpg

บริษัทกรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำสำหรับหุ้นไทย ให้เล่นตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ หุ้นที่เป็นต้นทางของธุรกิจ เช่น AIS HANA หุ้นที่เป็นธุรกิจกลางน้ำ เช่น BE8 ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่าย Saleforce โดยใช้ AI  หรือบริษัท BDMS มีการใช้ AI ในธุรกิจ 

กรุงศรีฯ ว่าเงินบาทแข็งค่าในครึ่งปีหลัง เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นดอกเบี้ยใกล้จบแล้ว จากนั้นอ่อนค่าลงมา เงินบาทก็จะแข็งค่า กรุงศรีฯ มองเห็นเทรนด์นี้จึงเปิดบริการเงินฝากสกุลดอลลาร์ เพื่อรองรับการให้บริการ กองทุนก็มี หรือหุ้นต่างประเทศก็มี 

ถ้าครึ่งปีหลังเงินบาทแข็งค่า นักลงทุนต่างชาติอยากกลับมา เป็นปัจจัยบวกที่ต่างชาติจะกลับมาหุ้นไทยมากขึ้น หุ้นส่งออกปีนี้จะซบเซาต่อไปจากกำลังซื้อที่หดลง 

ดังนั้นในครึ่งปีหลังเมื่อได้รัฐบาลใหม่แล้ว เศรษฐกิจดีขึ้น บาทแข็งค่า เป็นโอกาสที่ต่างชาติจะกลับมา เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวเร็วขึ้น เพราะท่องเที่ยวดี และเงินบาทแข็งค่า

ติดต่อโฆษณา!